เว็บไซต์ของเดอะซาคราเมนโต้บี รายงานข่าวเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2019 ว่ามีผู้ถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องหาลักขโมยล็อตโต้ชนิดขูดของแคลิฟอร์เนีย ที่ถูกรางวัลมูลค่าถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 300 ล้านบาท โดยการจับกุมเกิดขึ้นขณะชายคนดังกล่าวเดินทางไปรับเงินที่สำนักงานล็อตเตอรี่ของเมืองซาคราเมนโต้
รายละเอียดของข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองวาเควิลล์ ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย จับกุมชายชื่อ อดุลย์ สาวสองยาง (Adul Saosongyang) วัย 35 ปีได้เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2019 ที่สำนักงานล็อตโตรี่รัฐแคลิฟอร์เนีย สาขาเมืองซาคราเมนโต้ โดยการจับกุมเกิดขณะที่ผู้หาเดินทางมารับเงินรางวัล ตามที่สำนักงานติดต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เจ้าของล็อตโต้ตัวจริง ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อและเชื้อชาติ ได้ซื้อล็อตโต้แบบขูด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม จำนวน 30 ดอลลาร์ ที่ร้านลักกี้ โกรเซอร์รี่ สโตร์ ถนนพีบอดี้ในเมืองวาเควิลล์ และได้นำล็อตโต้ที่ตนเองคิดว่าถูกรางวัล 10,000 ดอลลาร์ไปขึ้นเงินในวันรุ่งขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานล็อตเตอรี่แจ้งว่าล็อตโต้ที่เขามี เป็นใบที่ไม่ถูกรางวัล แต่ถูกตกแต่งปลอมเลขขึ้นใหม่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าของล็อตโต้สงสัยว่าหนึ่งในเพื่อนร่วมห้องของเขา คือนายอดุลย์ จะเป็นคนสับเปลี่ยนล็อตโต้ขณะที่เขานอนหลับ เพราะได้มีการพูดคุยกันก่อนหน้านั้น จึงได้เข้าแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองวาเควิลล์
ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม นายอดุลย์ นำล็อตโต้ที่ถูกรางวัลมาขึ้นเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นล็อตโต้ที่ถูกรางวัลใหญ่ คือ 10 ล้านดอลลาร์ จึงต้องมีการตรวจสอบตามระเบียบก่อนที่จะจ่ายเงิน
โดยข่าวบอกว่า ระเบียบของสำนักงานล็อตโต้ของแคลิฟอร์เนียระบุเอาไว้ว่า หากเงินรางวัลมีมูลค่าสูงกว่า 600 ดอลลาร์ จะต้องมีการสอบสวนให้แน่ชัดก่อนจะมอบเงินรางวัลให้เจ้าของล็อตโต้ รวมถึงการเดินทางไปตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านที่จำหน่ายล็อตโต้ด้วย และที่ร้านขายของชำ ลักกี้ โกรเซอร์รี่ ในเมืองวาเควิลล์ นี่เอง เจ้าหน้าที่ก็ได้พบความจริงว่านายอดุลย์ไม่ใช่ผู้ซื้อล็อตโต้ อีกทั้งเจ้าของล็อตโต้ตัวจริงได้มีการแจ้งความว่าล็อตโตของเขาถูกลักขโมย เอาไว้แล้วด้วย
ดังนั้น หลังจากที่ได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่ของสำนักงานล็อตโต้ ก็ได้นัดนายอดุลย์มารับเงินเมื่อวันจันทร์ที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง นายอดุลย์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พร้อมแจ้งข้อหาลักทรัพย์ (grand theft) ซึ่งเป็นข้อหาอาญาร้ายแรง และมีโทษจำคุกระหว่าง 16 เดือน ถึง 3 ปี.