เมื่อวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน 2024 สภาเมืองลอส แอนเจลิส ลงมติเอกฉันท์ 13-0 ผ่านเทศบัญญัติ ที่เขียนขึ้นเพื่อเสริมความแกร่งให้กับนโยบายห้ามแบ่งปันข้อมูล ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับสำนักงานอิมมิเกรชั่น ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง โดยการลงมติดังกล่าวมีขึ้นแทบจะทันทีหลังจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าจะใช้กำลังทหารมาช่วยในการเนรเทศผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายครั้งใหญ่ (mass deportations) ตามที่ให้สัญญาไว้ระหว่างหาเสียง

“ผู้อพยพถือเป็นโครงสร้างของลอส แอนเจลิส และพวกเขาสมควรรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองในเมืองที่พวกเขาเรียกว่าบ้านแห่งนี้ ไม่ว่าใครจะขึ้นมามีอำนาจก็ตาม” สมาชิกสภาเมืองเขต 4 นิทเธีย ราแมน ซึ่งอพยพจากอินเดียมาพร้อมครอบครัว ตั้งแต่อายุ 6 ปี กล่าวในที่ประชุม

ขณะที่สมาชิกสภาเมืองเขต 1 ยูนิสเซส เฮอร์นานเดซ กล่าวว่า เธอเติบโตมาจนถึงวันนี้ก็เพราะผู้อพยพ ทั้งจากครอบครัวและชุมชน เลี้ยงดูเธอมา เช่นเดียวกับเมืองแอลเอ ที่เติบโตได้ในปัจจุบันเพราะเป็นเมืองที่สร้างจากความฝันและแรงงานของผู้อพยพรุ่นแล้วรุ่นเล่า

“เราจะไม่ยอมให้คำพูดเกลียดชังหรือนโยบายทำลายล้างของส่วนกลาง มาทำลายสถาบันครอบครัว หรือบดบังสิ่งที่พวกเขาอุทิศให้กับประเทศนี้เป็นอันขาด” เฮอร์นานเดซ กล่าว และว่า “วันนี้ เราขอประกาศต่อคนทั้งชาติว่า ลอส แอนเจลิส เจริญรุ่งเรืองก็เพราะผู้อพยพ เพราะงานและสิ่งที่พวกเขาอุทิศให้”

การประชุมสภาเมืองในวันดังกล่าว มีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนสิทธิของผู้อพยพ มาชุมนุมแสดงพลัง ทั้งภายในห้องประชุมและบริเวณหน้าอาคารซิตี้ฮอลล์ เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ลอส แอนเจลิส มีประชากรกว่า 3.8 ล้านคน ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอเมริกา (รองจากนิวยอร์ก) มีประชากรเป็นผู้อพยพมากว่า 1.35 ล้านคน หรือกว่า 34 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด

แน่นอนว่า ผู้นำของพรรครีพับลิกันในลอส แอนเจลิส ออกมาตำหนิท่าทีของสภาเมืองแอลเอ ที่ประกาศให้ความคุ้มครองกับผู้อพยพทุกกลุ่มแบบนี้ ทันที

“คำว่าเมืองหลบภัย ฟังดูอบอุ่นปลอดภัยมาก แต่ความคุ้มครองนั้น ไม่ได้เอาไว้ให้คุณย่าคุณยายตอนออกไปซื้อไอสกรีมนะ มันมีไว้คุ้มครองคนที่ลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แล้วยังทำผิดคดีอาญาอื่นๆ อีก ทั้งเมาเหล้าขับรถ จี้ปล้น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย กระทั่งฆ่าคนตาย ซึ่งพวกนี้ทั้งหมดจะไม่ได้รับการลงโทษ” ร็อคแซนน์ ฮอดจ์ หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของพรรครีพับลิกัน สำนักงานลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ กล่าว และเสริมด้วยว่า ความเป็นเมืองหลบภัยที่เทศบาลสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองคนทำผิดกฎหมายเหล่านี้ ใช้เงินส่วนใหญ่จากภาษีของประชาชน ที่ทำงานหนักและเสี่ยงอันตรายจากกลุ่มผู้ทำผิดกฎหมายอยู่ในเมืองนี้

และเพื่อให้สอดคล้องกับเทศบัญญัติฉบับล่าสุดของเทศบาลเมืองลอส แอนเจลิส ข่าวบอกว่าคณะกรรมการบริหารฝ่ายการศึกษา ของเขตการศึกษาลอส แอนเจลิส ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้รับนโยบาย “เมืองหลบภัย” ของเทศบาลมาใช้ในระบบโรงเรียนด้วย โดยจะให้ครูและบุคลากรทุกฝ่ายในระบบโรงเรียน เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการตอบสนอง เมื่อได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นของรัฐบาลกลาง ในเร็วๆ นี้.