ไปรษณีย์สหรัฐฯ ได้ขออนุมัติขึ้นราคาค่าบริการ ต่อคณะกรรมการควบคุมดูแลระบบไปรษณีย์แห่งชาติ (the Postal Regulatory Commission) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยบอกว่าเป็นความจำเป็น เพราะองค์กรฯ ได้รับผลกระทบรุนแรงจากสภาวะเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์ หากได้รับอนุมัติ ไปรษณีย์สหรัฐฯ สามารถปรับราคาได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยถือเป็นการปรับราคาครั้งที่สี่ในระยะเวลาประมาณหนึ่งปี

โดยการปรับราคาครั้งนี้ จะทำให้แสตมป์แบบเฟิร์สคลาส ที่ปัจจุบันเรียกว่า ฟอร์เอฟเวอร์แสตมป์ ถูกปรับขึ้นอีก 3 เซ็นต์ เป็นดวงละ 66 เซ็นต์ (จากที่เพิ่งปรับขึ้น 3 เซ็นต์เป็น 63 เซ็นต์เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา)

โดยการเสนอขอปรับราคาค่าบริการของไปรษณีย์สหรัฐฯ ครั้งนี้ มีรายละเอียดดังนี้

จดหมาย (1 ออนซ์) ปรับขึ้นจาก 63 เซ็นต์ เป็น 66 เซ็นต์
โปสการ์ดภายในประเทศ ปรับขึ้นจาก 60 เซ็นต์ เป็น 63 เซ็นต์
โปสเตอร์ระหว่างประเทศ ปรับขึ้นจาก 1.45 ดอลลาร์ เป็น 1.50 ดอลลาร์
จดหมายระหว่างประเทศ (1 ออนซ์) ปรับขึ้นจาก 1.45 ดอลลาร์ เป็น 1.50 ดอลลาร์

นอกจากนี้ การปรับค่าบริการของไปรณีย์สหรัฐฯ ยังรวมถึงจดหมายลงทะเบียน (certified mail) ค่าเช่ากล่องรับไปรษณีย์, ค่าธรรมเนียมมันนีออร์เดอร์ และค่าประกันพัสดุ ฯลฯ

ปัจจุบันนี้ รายได้หลักของไปรษณีย์สหรัฐฯ มาจากการส่งจดหมายและโปสการ์ด (รวมถึงการจ่ายชำระบิลล์ต่างๆ) โดยทำรายได้มากถึง 24.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 หรือเกือบหนึ่งในสามของรายได้รวมทั้งหมด (78.8 พันล้านดอลลาร์​) ของไปรษณีย์สหรัฐฯ ในปีนั้น.