รัฐแคลิฟอร์เนีย มีกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในโกรเซอรี่และร้านค้าปลีกอื่นๆ มาตั้งต่ปี 2016 โดยหวังให้ลูกค้านำถุงผ้า หรือถุงพลาสติกมาใส่สินค้าเอง แต่ในกรณีลูกค้าไม่เตรียมถุงมา ร้านค้าปลีกทั่วไปมีตัวเลือกให้ลูกค้าสองทาง คือถุงกระดาษ และถุงพลาสติกแบบหนา จำหน่ายในราคาประมาณถุงละสิบเซ็นต์

โดยความน่าจะเป็นแล้ว ลูกค้าควรนำถุงพลาสติกแบบหนาดังกล่าว ซึ่งสามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง กลับมาใช้เมื่อต้องกลับมาซื้อของในโกรเซอรี่หรือร้านค้าปลีกอื่นๆ

อย่างไรก็ดี ส.ว.เดโมแครต ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แคทเธอรีน แบล็คสเปียร์ กล่าวระหว่างการแนะนำกฎหมายใหม่ต่อรัฐสภาที่ซาคราเมนโต้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2024 ว่า ถุงพลาสติกหนาดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้ถูกทิ้งหลังจากถูกใช้เพียงครั้งเดียว และกลายเป็นขยะที่ไม่ย่อยสลาย เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทั้งบนบกและในน้ำ ไม่แตกต่างจากถุงพลาสติกแบบบาง โดยการศึกษาของรัฐพบว่า การทิ้งถุงพลาสติกของชาวแคลิฟอร์เนีย เพิ่มขึ้นจากคนละ 8 ปอนด์ต่อปีในปี 2004 เป็นคนละ 11 ปอนด์ต่อปี ในปี 2021

“มันแสดงให้เห็นว่ากฎหมายแบนถุงพลาสติกที่ผ่านรัฐสภาของแคลิฟอร์เนียในปี 2024 (มีผลบังคับใช้ในปี 2016) ไม่มีผลในการลดการใช้ถุงพลาสติกเลย แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มปริมาณขยะพลาสติกด้วย” ส.ส.แคทเธอรีน แบล็คสเปียร์ กล่าว และว่า “เรากำลังทำให้โลกหายใจไม่ออกจากขยะพลาสติกเหล่านี้”

ข่าวอ้างผลศึกษาขององค์กรที่เคลื่อนไหวด้านสภาพแวดล้อม ถึงปริมาณขยะพลาสติกที่ลดลงจากการบังคับใช้กฎหมายแบนถุงพลาสติกแบบเด็ดขาด ทั้งในร้านค้าปลีกและร้านอาหาร ในห้าเมืองใหญ่ คือนิวเจอร์ซี่, เวอร์มอนท์, ฟิลาเดลเฟีย, พอร์ทแลนด์ และซานตาบาร์บาร่า พบว่ามีผลในการลดการใช้ถุงพลาสติกต่อคนลงได้ประมาณ 300 ถุงต่อปี

หากกฎหมายแบนถุงพลาสติกแบบเด็ดขาดผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา ก็จะอยู่ที่ดุลพินิจของเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการัฐแคลิฟอร์เนีย ว่าจะลงนามให้มีผลบังคับใช้หรือไม่ แต่เชื่อว่าผู้ว่าฯ เดโมแครตคนนี้จะต้องลงนามรับรองอย่างแน่นอน เพราะขณะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก เมื่อปี 2007 นั้น เขาได้เคลื่อนไหวจนทำให้ซานฟรานซิสโก เป็นเมืองแรกของอเมริกาที่มีกฎหมายแบนถุงพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งมาแล้ว

หากผ่านความเห็นชอบ กฎหมายแบนถุงพลาสติกแบบสิ้นเชิงของแคลิฟอร์เนียจะมีผลบังคับใช้ในปี 2026.