เตือนผู้สูงอายุแคลิฟอร์เนีย เป็นเหยื่อมิจฉาชีพสูงสุด
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : เอฟบีไอ ออกโรงเตือนสาธารณชน ถึงอาชญากรรมออนไลน์ และกลโกงประเภทต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ
สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) แถลงรายงานเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ cybercrime ในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 โดยบอกว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต (ผ่านศูนย์ the Internet Crime Complaint Center หรือ IC3) มากกว่า 880,000 คดี ประเมินมูลค่าความเสียหายประมาณ 12.5 พันล้านดอลลาร์
ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คือกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์มากที่สุด โดยศูนย์ IC3 บอกว่าเพิ่มมากขึ้นจากปี 2022 ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น ถึง 11 เปอร์เซ็นต์
เอฟบีไอบอกด้วยว่า ผู้สูงอายุในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์มากที่สุดในประเทศ คือมีการร้องเรียนมากกว่า 11,000 คดีในปี 2023 คิดเป็นความสูญเสียมากกว่า 620 ล้านดอลลาร์ และส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนมากประสบปัญหา ถึงขั้นต้องจำนองบ้านซ้ำ (remortgaged) ถูกยึดบ้าน ต้องถอนเงินออมสำหรับเกษียณอายุออกมาจนหมด กระทั่งหยิบยืมจากครอบครัวเพื่อประทังชีวิต
โดยเอฟบีไอ ยกตัวอย่างกลโกงที่เหล่ามิจฉาชีพนิยมนำมาใช้กับผู้สูงอายุ เช่น
-Confidence/Romance Scam: คนร้ายจะแสดงท่าทีสนใจในตัวเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นม่าย หรือกำลังหาเพื่อนผ่านเว็บไซต์หาคู่ หรือผ่านโซเชียลมีเดียแพลทฟอร์มต่างๆ รวมถึงมีการอ้างตัวเป็นผู้มีชื่อเสียง เช่นนักร้อง นักแสดง ฯลฯ
-Tech Support Scam : คนร้ายจะอ้างตัวเป็นฝ่ายเทคนิคของหน่วยงานต่างๆ และเสนอให้บริการซ่อม อัพเดท หรือแก้ไขปัญหาของคอมพิวเตอร์ หรือมือถือของเหยื่อ เพื่อล้วงเอาข้อมูลสำคัญ
-Cryptocurrency Scam: คนร้ายจะหาข้ออ้างต่างๆ เช่นผลตอบแทนก้อนโต เพื่อหลอกเหยื่อให้ถอนเงินสดไปฝากในบัญชีเงินคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ตามเอทีเอ็ม หรือตู้ฝากเงินตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งคนร้ายสามารถโอนต่อไปยังบัญชีของตัวเองได้
Investment Scam: หรือการหลอกให้ลงทุน โดยคนร้ายมักชวนเหลือลงทุนในหุ้นที่ไม่มีความเสี่ยง หรือเสี่ยงน้อย รวมถึงรับประกันผลกำไรก้อนโต โดยเหยื่อจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้า (advanced fee frauds) โดยกลโกงแบบนี้มีหลายชนิด เช่น Ponzi schemes, pyramid schemes, market manipulation fraud, real estate investing และ trust-based investing (เช่น cryptocurrency investment scams)
ส่วนวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ เอฟบีไอ แนะนำหลายวิธี เช่น
-หากรู้สึกไม่ชอบมากาพล ให้ตัดการติดต่อทันที
-ค้นข้อมูลของบุคคลที่ติดต่อมา เช่นชื่อ อีเมล์ โทรศัพท์ ที่อยู่ หรือข้อเสนอต่างๆ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่ามิจฉาชีพจะใช้วิธีเดียวกันในการหลอกลวงผู้อื่นมาแล้ว รวมถึงมีการป่าวประกาศเตือนภัยเอาไว้ในระบบออนไลน์แล้ว
-พยายามหักห้ามใจ อย่าตัดสินใจอะไรเร็วเกินไป เพราะคนร้ายมักจะสร้างข้อแม้ หรือแรงกดดันเรื่องเวลา และให้โทรเรียกตำรวจทันทีหากมีการข่มขู่ หรือรู้สึกว่าถูกข่มขู่ในรูปแบบต่างๆ
-ระมัดระวังหากได้รับโทรโทรศัพท์ขยะ อีเมล์ขยะ หรือกระทั่งการเคาะประตูเสนอขายสินค้าหรือบริการต่างๆ ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว เงิน เครื่องประดับ บัตรกำนัล เช็ค หรือเขียนข้อมูลอื่นใดกับบุคคล หรือธุรกิจเหล่านี้เด็ดขาด
-ติดตั้งโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ป้องกันคอมพิวเตอร์ และหมั่นตรวจสอบว่ามีการอัพเดทสม่ำเสมอ
-หากเจอข้อความที่เด้งขึ้นมาขณะใช้คอมพิวเตอร์ (pop-up message) หรือหน้าจอถูกล็อค ให้ตัดอินเตอร์เน็ต (disconnect) และปิดเครื่องทันที เพราะข้อความแบบ ป็อป-อัพ มักถูกใช้เพื่อส่งไวรัส หรือซอฟต์แวร์อันตรายประเภทต่างๆ
-ระวังการกดปุ่มต่างๆ เพราะอาจเป็นการดาวน์โหลดโปรแกรมอันตรายต่างๆ รวมถึงอย่ากดไฟน์ที่ส่งมาพร้อมกับอีเมล์ (email attachment) ของคน หรือองค์กรที่ไม่รู้จัก หรืออีเมล์ที่ส่งต่อกันมาเด็ดขาด
-หากรู้สึกว่าตัวเองอาจตกเป็นเหยื่อ หรือคิดว่าข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล ให้ติดต่อสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องทันที เปลี่ยนพาสเวิร์ดบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หากใช้บริการออนไลน์ ฯลฯ และให้ตรวจสอบบัญชีการเงินของตัวเองอย่างสม่ำเสมอด้วย.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส