ผลการนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อค่ำวันที่ 12 มีนาคม 2024 ชี้ชัดว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างคว้าคะแนนเสียงสนับสนุนได้เพียงพอที่จะได้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 แล้ว

รอยเตอร์ บอกถึงผลการนับคะแนนในช่วงค่ำวันที่ 12 มีนาคมว่า ไบเดนได้คะแนนเสียงจากผู้แทนแล้วอย่างน้อย 1,968 เสียง ขณะที่ทรัมป์คว้าคะแนนเสียงจากผู้แทนได้อย่างน้อย 1,215 เสียง

หลังทราบผลคะแนน ประธานาธิบดีไบเดน วัย 81 ปี ออกแถลงการณ์โจมตีแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ว่าเป็นแคมเปญแห่งความเคียดแค้น การล้างแค้น และการเอาคืน ซึ่งคุกคามแนวคิดพื้นฐานของความเป็นอเมริกา

"ตอนนี้โหวตเตอร์มีทางเลือกที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของประเทศนี้ เราจะยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย หรือจะปล่อยให้คนอื่นมาทำลาย เราจะฟื้นคืนสิทธิที่จะเลือกและปกป้องเสรีภาพของเรา หรือจะปล่อยให้พวกหัวรุนแรงมาเอาไป" ไบเดนกล่าว

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี กล่าวขณะหาเสียงที่จอร์เจียโดยยืนยันว่าเขาแพ้เลือกตั้งปี 2020 เพราะถูกโกง ส่วนคดีความต่างๆ ที่รุมล้อมเขาอยู่นั้น มาจากเหตุผลทางการเมืองทั้งสิ้น รวมถึงได้โจมตีประธานาธิบดีไบเดนว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหาผู้อพยพที่ไหลบ่าเข้าทางชายแดนใต้ของสหรัฐ

ทั้งนี้ ผลโพลล์ของรอยเตอร์/อิปซอส ฉบับล่าสุด ระบุว่า ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างก็เป็นแคนดิเดตที่ไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ โดยทรัมป์นั้นกำลังเผชิญปัญหาทางกฎหมายรุมเร้า โดยถูกฟ้องข้อหาอุกฉกรรจ์ถึง 91 กระทงใน 4 คดี ขณะที่ไบเดนถูกมองว่าอายุมากเกินไปสำหรับการเป็นประธานาธิบดีต่ออีก 4 ปี

โดยการชิงชัยของไบเดนและทรัมป์ครั้งนี้ ถือเป็นการ “รีแมตช์” คู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 70 ปี หลังจากคู่ของประธานาธิบดี ดไวต์ ไอเซนฮาวร์ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเอาชนะแอดเล สตีเวนสัน ของพรรคเดโมแครต ไปได้ในการเลือกตั้งปี 1956.