บริษัทซื้อขายโลหะออนไลน์ เอสดี บูลเลี่ยน (SD Bullion) เปิดเผยเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า รัฐแคลิฟอร์นีย ยังคงเป็นรัฐที่มีการค้นพบทองคำจากพื้นดินมากที่สุด โดยใช้ฐานข้อมูลจากโปรแกรมทรัพยากรแร่ ของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติ (USGS) มาวิเคราะห์ว่า ปัจจุบันนี้ มีการพบทองคำในภูมิภาคใดของอเมริกามากที่สุด จากนั้นนำข้อมูลของแต่ละรัฐ ทั้งตัวเลขปริมาณทองคำที่พบแล้ว โอกาสพบ และจำนวนผู้ผลิตในแต่ละรัฐ มาเปรียบเทียบกับพื้นของรัฐ เพื่อเทียบออกมาเป็นสัดส่วนการพบทองคำต่อ 1,000 ตรางไมล์

โดยสิบอันดับรัฐที่มีการพบทองคำมากที่สุดในปัจจุบันนี้ คือ

1 แคลิฟอร์เนีย (พบทองคำ 66.59 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
2 วอชิงตัน (34.17 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
3 โอเรก้อน (31.41 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
4 เนวาด้า (30.91 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
5 ไอดาโฮ่ ( 28.44 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
6 อริโซน่า (พบทองคำ 17.40 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
7 โคโลราโด้ (พบทองคำ 14.89 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
8 มอนทาน่า (พบทองคำ 13.21 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
9 อลาสก้า (พบทองคำ 9.22 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)
10 ยูท่าห์ (พบทองคำ 7.46 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)

เหตุผลที่ทำให้เกิด modern day gold rush หรือการพบทองคำในแคลิฟอร์เนียมากมายในช่วงที่ผ่านมานั้น เอสดี บูลเลี่ยน บอกว่าเป็นเพราะพายุฝนครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2022 และต้นปี 2023 ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในหลายพื้นที่ เป็นการเคลื่อนที่ของผิวดินและตะกอนครั้งใหญ่ ทองคำที่ทับถมอยู่ด้านล่างจึงปรากฎให้เห็นมากขึ้น

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น อเมริกาผลิตทองคำในประเทศประมาณ 170 ตัน มูลค่าประมาณ 10 พันล้านดอลลาร์ จากเหมืองทองมากกว่า 40 แห่งใน 11 รัฐ โดยรัฐที่ผลิตทองคำมากที่สุดคือเนวาด้า โดยผลิตได้ 73 เปอร์เซ็นต์ของทองคำในประเทศทั้งหมด ตามมาด้วยอลาสก้า ที่ 13 เปอร์เซ็นต์

ข้อมูลบอกด้วยว่าใน 50 รัฐของอเมริกานั้น มีการพบทองคำถึง 32 รัฐ โดยโอคลาโฮม่า พบน้อยที่สุด (0.01 จุดต่อพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์) ตามมาด้วยอาร์คันซอส์ (0.04 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์) และมิสซูรี (0.07 จุดในพื้นที่ 1,000 ตารางไมล์)

โดยราคาทองคำในประเทศ ณ วันที่ 27 กันยายน 2024 อยู่ที่ออนซ์ละ 2,657 ดอลลาร์.