เว็บไซต์ของบลูมเบิร์ค รายงานข่าวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2024 ถึงผลสำรวจร้านคอสท์โก้ ใน 46 รัฐ ที่พบว่าทองคำแท่งขนาดน้ำหนัก 1 ออนซ์ กำลังเป็นสินค้ายอดนิยม โดยบอกว่าหลังจากได้ “รี-สต๊อกสินค้า” จนเต็มเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้ กว่า 77 เปอร์เซ็นต์ของคอสท์โก้ทั่วประเทศ ไม่มีทองคำแท่งเหลือจำหน่ายแล้ว

ความต้องการซื้อทองคำแท่งที่กำลังพุ่งขึ้นสูง มีผลให้ราคาทองคำสูงสร้างสถิติใหม่ไปด้วย โดยบลูมเบิร์ค อ้างข้อมูลจาก the American Precious Metals Exchange (APMEX) ว่าราคาทองคำแท่ง ณ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม อยู่ระหว่าง 2,654 ถึง 2,673 ดอลลาร์

ขณะนี้ คอสท์โก้ จำหน่ายทองคำแท่งในราคาแท่งละ 2,699.99 ดอลลาร์ ถือว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 700 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับราคาเดือนเมื่อเดือนตุลาคมปี 2023 ที่เคยจำหน่ายในราคาไม่ถึง 2,000 ดอลลาร์ และว่าแม้ทองคำคอสท์โก้จะแพงขึ้นอย่างมาก แต่ก็ “ขายหมด” ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังมีการประกาศขายออนไลน์

บลูมเบิร์กให้เหตุผลของการ “ตื่นทองคอสท์โก้” ที่กำลังเกิดขึ้นว่าเป็นเพราะบรรดานักลงทุนอเมริกัน มักจะกักตุนทองคำ หากรู้สึกว่าถูกคุกคามจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เช่นสภาวะเงินเฟ้อ หรือเกิดความวิตกเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์

“หากใครสักคนออกไปซื้อทองมาตุน นั่นหมายความว่าเขาเห็นความไม่มั่นคงในระดับพื้นฐานของตลาด และ/หรือที่รัฐบาลเลย” เดวิด แวคเนอร์ ที่สาม หัวหน้าฝ่ายตลาดและหุ้นของบริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจชื่อ Aptus Capital Advisors กล่าวกับบลูมเบิร์ก

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดูแลการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC) ของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนผู้ที่กำลัง “ตื่นทอง” ในเวลานี้ว่า ทองคำ อาจไม่ใช่การลงทุนที่ปลอดภัยเสมอไป

“เหมือนสินค้าที่ซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเก็งกำไรทั่วไป โลหะมีค่าจะมีราคาสูงขึ้นหากความต้องการซื้อมีสูง ดังนั้น เมื่อใดเกิดความกังวลทางเศรษฐกิจ หรือความไม่แน่นอนมีสูง ผลกำไรจากโลหะมีค่าเหล่านี้ก็จะตกอยู่กับผู้ขาย” คำเตือนของ CFTC ระบุ

ข่าวบอกด้วยว่าหลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการจำหน่ายทองคำแท่งและเงินแท่ง (silver bullion) แล้ว ล่าสุด คอสท์โก้ ประกาศว่ามีแผนจะผลิตทองคำขาวแท่ง (platinum bars) เพื่อจำหน่ายให้กับสมาชิกด้วย.