สำนักงานจัดเก็บภาษีอากรของสหรัฐฯ หรือ ไออาร์เอส ประกาศปรับหลักเกณฑ์ต่างๆ สำหรับฤดูการเสียภาษีประจำปี 2025 เช่นฐานอัตราภาษี (tax brackets), มาตรฐานการหักลดหย่อนภาษีรายได้ (standard deductions) และอื่นๆ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่กลายเป็นที่สนใจของสำนักข่าวต่างๆ คือ Notice 2024-71 ที่ระบุว่า ถุงยางอนามัยสำหรับผู้เสียภาษี, คู่สมรส หรือผู้อยู่ในความอุปการะ (dependent) สามารถระบุเป็นค่ารักษาพยาบาล และสามารถลดหย่อนภาษีได้ หากค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดสูงกว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์ของ AGI (adjusted gross income หรือรายได้รวมหลังหักค่าลดหย่อนทุกอย่างแล้ว)
ก่อนหน้านี้ ถุงยางอนามัยจะถูกพิจารณาเป็นกรณีไปว่าสามารถใช้หักลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ ซึ่งริชาร์ด พอน นักบัญชีจากแคลิฟอร์เนียเหนือ อธิบายว่า จะขอหักลดหย่อนค่าถุงยางอนามัยได้ก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องใช้ในเชิงการแพทย์ เช่นป้องกันการแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฯลฯ ไม่ใช่การป้องกันโรค หรือการคุมกำเนิด
นอกจากถุงยางอนามัยแล้ว ไออาร์เอส ยังประกาศให้ผู้เสียภาษี ขอหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการแพทย์ได้อีกหลายอย่าง เช่น
-อุปกรณ์ตรวจ ดีเอ็นเอ (DNA collection kits) หากใช้ในเชิงการแพทย์ (ไม่ใช่ตรวจหาญาติหรือบรรพบุรุษ),
-เครื่องปั้มนมมารดา และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง (เช่น pump accessories, nursing pads, milk storage bags และ nipple cream and ointments)
-ชุดเลิกบุหรี่ หรือยาถอนนิโคติน ตามใบสั่งแพทย์ (ไม่รวมอุปกรณ์เลิกบุหรี่ที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป)
-ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำงานอาสาสมัครต่างๆ โดยค่าใช้จ่ายที่มากกว่า 250 ดอลลาร์ จะต้องมีเอกสารรับรองโดยองค์กรการกุศลที่เชื่อถือได้.