เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 หรือหนึ่งวันหลังจากที่ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะเหนือคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตนั้น เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศเรียกร้องให้บรรดานักการเมืองชุดใหม่ ทั้งระดับส.ส. และ ส.ว. รวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เร่งหามาตรการป้องกันไม่ให้ว่าที่ประธานาธิบดี เข้ามาแทรกแซง-ยกเลิกนโยบายและแผนงานต่างๆ ของรัฐฯ ตามที่ทรัมป์ได้ขู่เอาไว้ขณะหาเสียง
“เสรีภาพที่เรายึดมั่นในแคลิฟอร์เนีย กำลังถูกโจมตี และเราจะไม่นั่งนิ่งๆ” นิวซัม กล่าว และว่าเราจะต้องเตรียมสู้ ทั้งในชั้นศาลและทุกวิถีทางที่จำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าแคลิฟอร์เนีย มีเครื่องค้ำจุน รวมถึงแหล่งทุนต่างๆ เท่าที่เราต้องการ
นิวซัม กล่าวว่าเขาพร้อมจะทำงานร่วมกับประธานาธิบดีคนใหม่ แต่ย้ำว่าจะยืนหยัดเคียงคู่กับหลายๆ รัฐทั่วประเทศเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม (rule of law) รวมถึงว่าขณะนี้ ตนเองและบรรดานักการเมืองเดโมแครตของแคลิฟอร์เนีย กำลังวางมาตรการที่เรียกว่า Trump-proof เพื่อป้องกันทรัมป์เข้ามาแทรกแซงนโยบายของแคลิฟอร์เนีย โดยบอกว่าความจำเป็นเร่งด่วนคือการเพิ่มงบประมาณให้กับสำนักงานอัยการของรัฐฯ สำหรับ “ต่อสู้” ในชั้นศาลกับทรัมป์
ที่ผ่านมา ทรัมป์เพ่งเล็ง เกวิน นิวซัม และรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีประชากรเป็นเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกันในสัดส่วนประมาณสองต่อหนึ่ง มากเป็นพิเศษ ถึงขั้นเรียกผู้ว่าการรัฐฯ ว่า “นิว-สกัม” ระหว่างปราศรัยหาเสียงในแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะแคลิฟอร์เนียมีนโยบายที่ “สวนทาง” กับทรัมป์ในแทบทุกเรื่อง ทั้งด้านสภาวะแวดล้อม, สิทธิสตรี (การทำแท้ง), นโยายด้านความเท่าเทียมทางเพศ (สมรสเท่าเทียม) ฯลฯ และที่สำคัญคือนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งทรัมป์ประกาศว่าจะมีการเนรเทศขนานใหญ่ (mass deportation) หลังเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่แคลิฟอร์เนียประกาศตัวเป็นรัฐหลบภัย (sanctuary state) ทั้งสำหรับผู้อพยพ และผู้หญิงจากรัฐที่ห้ามทำแท้ง (ถึงขนาดจัดสรรงบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์จากภาษีประชาชน สำหรับช่วยเหลือผู้หญิงจากต่างรัฐเหล่านี้โดยเฉพาะ)
ข่าวอ้างข้อมูลจาก ร็อบ บอนต้า อัยการของรัฐแคลิฟอร์เนียด้วยว่า ในช่วงที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น รัฐแคลิฟอร์เนียได้ยื่นฟ้องร้องทรัมป์ในลักษณะต่างๆ มากกว่า 120 คดี และว่าขณะนี้ สำนักงานของตนกำลังทบทวนคดีเหล่านั้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะเริ่มทำงานในเดือนมกราคม ศกหน้า
ข่าวบอกว่า นโยบาย หรือกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เชื่อว่าจะถูกทรัมป์แทรกแซงนั้นมีมากมาย เช่นกองทุนประกันสุขภาพสำหรับผู้มีรายได้น้อยโดยไม่คำนึงถึงสถานภาพการเข้าเมือง, กฎหมายบังคับให้รถยนต์ใหม่ (รวมถึงรถกระบะ รถบรรทุกและรถเอสยูวี) ที่จำหน่ายในแคลิฟอร์เนีย จะต้องเป็นรถไฟฟ้า รถพลังไฮโดรเจน หรือเป็นระบบไฮบริด ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป ฯลฯ
นอกจากแคลิฟอร์เนียแล้ว ข่าวบอกว่ารัฐที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครต หลายๆ รัฐ ต่างก็มีการเตรียมตัวรับมือกับว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เช่นกัน รวมถึงแมสซาชูเส็ทท์, ชิคาโก้ และรัฐนิวยอร์ก ที่ผู้ว่าการัฐฯ เคธี โฮเคิล บอกว่ากำลังทำงานร่วมกับอัยการรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายฝ่าย เพื่อหามาตรการป้องกันคณะทำงานของทรัมป์ ไม่ให้เข้ามาแทรกแซงนโยบายต่างๆ ภายในรัฐ เช่นการทำแท้ง, สิทธิมนุษยชน, อิมมิเกรชั่น, ความปลอดภัยจากอาวุธปืน, แรงงาน, แอลจีบีทีคิว และนโยบายคุ้มครองสภาพแวดล้อม ฯลฯ.