ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2025 ว่าได้สั่งการให้ สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระงับการผลิตเหรียญหนึ่งเซ็นต์ หรือเหรียญเพ็นนีแล้ว เพราะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงกว่ามูลค่าของมัน

“นานเกินไปแล้ว ที่สหรัฐฯ ได้ผลิตเหรียญเพ็นนี ซึ่งต้องใช้ต้นทุนการผลิตมากกว่าสองเซ็นต์ มันคือความสิ้นเปลืองอย่างมาก ผมจึงสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยุติการผลิตเหรียญใหม่แล้ว มายุติความสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศของเรา แม้ว่าจะเพียงครั้งละหนึ่งเพ็นนีก็ตาม” ทรัมป์ ระบุผ่านโซเชียลมีเดีย หลังเสร็จสิ้นการร่วมชมมหกรรมซูเปอร์โบวล์

ทั้งนี้ กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ของ อีลอน มัสก์ เป็นผู้เปิดประเด็นนี้ โดยได้โพสต์ X เมื่อปลายเดือนมกราคม ว่าต้นทุนการผลิตเหรียญเพ็นนีปัจจุบันอยู่ที่กว่า 3.7 เซนต์ต่อเหรียญ และทำให้รัฐเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า 179 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2023

โดยโรงกษาปณ์ของสหรัฐฯ ผลิตเหรียญเพ็นนีประมาณ 4.1 พันล้านเหรียญในปี 2023 และว่าต้นทุนการผลิตและจำหน่ายในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 3.7 เซ็นต์ต่อเหรียญ ถือว่าสูงขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า เนื่องด้วยราคาโลหะที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสังกะสีและทองแดง

ความพยายามผลักดันให้เลิกใช้เหรียญเล็ก ทั้งเพ็นนี และนิกเกิล (ห้าเซ็นต์) นั้นมีมานานแล้ว แต่เริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่การจับจ่ายออนไลน์ และการใช้บัตรเครดิต ได้รับความนิยมอย่างสูง

นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ว่า หากมีการยกเลิกเหรียญเล็กจริงๆ ก็จะมีประโยชน์กับธุรกิจมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะจะลดเวลาของพนักงาน เช่นพนักงานบัญชี พนักงานเก็บเงิน ลงได้มาก โดยข้อมูลจากสมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งสหรัฐฯ บอกว่า แต่ละวัน มีการซื้อขายสินค้าในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศประมาณ 52 ล้านรายการ

“หากทุกธุรกิจใช้เวลา 2 วินาทีในการจัดการกับเหรียญเพ็นนี นั่นเทียบเท่ากับ 104 ล้านวินาทีหรือ 1,203 วันเลยทีเดียว” ข้อมูลจากสมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งสหรัฐฯ ระบุ.