นิวส์เนชั่นรายงานว่าหลังจากที่เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงนามในกฎหมาย เอบี 1889 ซึ่งรู้จักในชื่อกฎหมาย Room to Roam Act เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ศกที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการเรียกใช้บริการกำจัดหนูของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ กฎหมายของแคลิฟอร์เนียฉบับดังกล่าว มีผลให้เกิดการแบนยาเบื่อหนูประเภท anticoagulant ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดกับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่า เช่นนกกินเนื้อชนิดต่างๆ สุนัขจิ้งจอก เสือพูม่า ฯลฯ ที่อาจจะกินซากหนูที่ตายเพราะยาอันตรายชนิดนี้

ข่าวอ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญกำจัดหนู ลูอิส ริโก้ เจ้าของบริษัท American Rat Control ในลอส แอนเจลิส ว่า กฎหมายดังกล่าว ทำให้บริษัทกำจัดสัตว์รบกวน ต้องใช้วิธีอื่นๆ ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำกว่าการใช้ยาเบื่อหนูมาก

“ผลก็คือประชากรหนูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีการพูดกันว่าอีกไม่นาน มันจะกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขแน่ๆ” ลูอิส ริโก้ กล่าว

ข่าวบอกว่า ชิคาโก้ เป็นเมืองที่มีปัญหาหนูชุมมากที่สุดของปีที่ผ่านมา วัดจากการเรียกใช้บริการกำจัดหนูของธุรกิจและบ้านเรือน โดยมีลอส แอนเจลิส นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และวอชิงตัน ดีซี ตามมาในกลุ่มท็อป 5

“ผมทำนายได้เลยว่า ภายในสิ้นปีนี้ เรา (แอลเอ) จะกลายเป็นเมืองที่มีปัญหาหนูชุมมากที่สุดในประเทศ” ลูอิส ริโก้ กล่าว และว่าตนหวังว่ารัฐแคลิฟอร์เนียจะยอมให้ใช้ยาเบื่อหนูอีกครั้ง เพราะไม่มีวิธีใดที่สามารถควบคุมประชากรหนูอย่างได้ผลเท่าวิธีนี้อีกแล้ว

ข่าวบอกด้วยว่าภายในเวลาหนึ่งปี หนูหนึ่งคู่สามารถขยายพันธุ์ได้หลายพันตัว เพราะหนูตัวเมียจะตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุเพียงห้าสัปดาห์ และออกลูกได้มากถึงครอกละ 12 ตัว ทุกเดือน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสนับกฎหมายฉบับนี้ ออกมาแย้งว่าปัญหาหนูชุมในช่วงที่ผ่านมา อาจมีปัจจัยอย่างอื่นสนับสนุนอยู่ เช่นไฟป่าครั้งใหญ่เมื่อต้นปี เพราะส่งผลให้หนูหนีกระจายออกไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ

ข่าวอ้างความเห็นของผู้สนับสนุนกฎหมายแบนยาเบื่อหนูด้วยว่า แทนการใช้ยาอันตรายที่มีผลกระทบกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ประชาชนควรใส่ใจกับการควบคุมปัญหาหนูในบ้านเรือนของตัวเอง เช่นกำจัดที่อยู่ของหนู โดยทำความสะอาดบริเวณบ้าน ระวังการให้อาหารนก อาหารสัตว์ รวมถึงปิดถังขยะในบริเวณบ้านหรือธุรกิจให้มิดชิด เป็นต้น.