เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2025 คริสตี โนม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน กล่าวในที่ประขุมที่จัดโดยหนังสือพิมพ์เดอะฮิลล์ ว่าเธอกำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณ “ของเหลว” ที่ ทีเอสเอ อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินได้

ปัจจุบันนี้ ผู้โดยสารสามารถนำของเหลวใส่ในภาชนะขนาดพกพาที่มีขนาดไม่เกิน 3.4 ออนซ์ (100 มิลลิลิตร) ต่อชิ้นในกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ ยกเว้นยาและนมหรืออาหารเหลวสำหรับเด็กอ่อน

"ฉันพิจารณาเรื่องของเหลวอยู่ ดังนั้น สิ่งที่น่าจะมีการประกาศต่อไปคือเรื่องขนาดของของเหลว" โนมกล่าว “เราได้วางกระบวนการคัดกรองหลายชั้นไว้แล้ว ซึ่งมันจะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาความปลอดภัย และการตรวจค้นบางส่วนได้ โดยยังคงปลอดภัยเหมือนเดิม" 

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรี “โฮมแลนด์” ยังไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง หรือระยะเวลาที่ผู้โดยสารคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น 

จอห์น พิสโทล อดีตผู้บริหารทีเอสเอ ให้สัมภาษณ์ซีบีเอสเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า ทีเอสเอ ได้พิจารณาระเบียบเกี่ยวกับของเหลวมาหลายปีแล้ว และว่าเครื่องมือที่ใช้ในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงเครื่องสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่สามารถเห็นสิ่งของภายในกระเป๋าเป็นภาพสามมิติ และสามารถตรวจจับอันตรายด้านความปลอดภัยอื่นๆ ได้โดยอัตโนมัติ

ทั้งนี้ กฎระเบียบเกี่ยวกับของเหลวบนเที่ยวบิน เป็นผลมาจากเหตุการณ์ในปี 2006 ที่มีความพยายามลอบนำวัตถุระเบิดเหลวขึ้นเครื่องบิน เป็นผลให้ผู้โดยสารต้องรีบดื่มน้ำ กาแฟ ฯลฯ อย่างรวดเร็ว หรือจำเป็นต้องทิ้งเจลใส่ผมหลอดใหญ่ หรือแยมทาขนมปังลงถังขยะก่อนผ่านด่านตรวจของ ทีเอสเอ ด้วยความเสียดาย

ที่ผ่านมา กฎระเบียบเรื่องของเหลวที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้นี้ ก่อนให้เกิดการโต้เถียงมากมาย โดยเฉพาะกับสิ่งที่ไม่เหลวเป็นน้ำ อย่างโยเกิร์ต เนยถั่ว แยม ครีมทาผิว ฯลฯ 

โดย คริสตี โนม ยังได้กล่าวถึงอนาคตของการเดินทางผ่านสนามบิน ในระหว่างการบรรยายเมื่อวันพุธที่ผ่านมาด้วยว่า “อนาคตของสนามบินที่ฉันอยากเห็น คือการเดินเข้าประตูพร้อมกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง เดินผ่านเครื่องสแกน แล้วไปขึ้นเครื่องบินได้เลย” เธอกล่าว “ใช้เวลาแค่หนึ่งนาที”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายใน ได้ยกเลิกการถอดรองเท้าระหว่างผ่านด่านตรวจของ ทีเอสเอ ไปก่อนแล้ว.