เอพีรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ว่าร้านค้าและธนาคารทั่วสหรัฐฯ กำลังเผชิญ “วิกฤติขาดแคลนเหรียญเพนนี” หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งหยุดผลิตเหรียญมูลค่าหนึ่งเซนต์อย่างกะทันหันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ข่าวบอกว่าการยุติการผลิตโดยไม่มีแนวทางรองรับผลกระทบดังกล่าว ทำให้ร้านค้าปลีกทั่วประเทศได้รับผลกระทบ จนถึงขั้นขอให้ลูกค้าที่ชำระเป็นเงินสด จ่ายเงินพอดีจำนวน เพราะไม่มีเศษเหรียญสำหรับทอน

ที่ผ่านมา ธนาคารและผู้ค้าปลีกต่างๆ คือกลุ่มแรกที่ผลักดันให้รัฐบาลยกเลิกเหรียญเพนนี แต่ธุรกิจเหล่านี้ไม่คิดว่ารัฐบาลทรัมป์ จะยกเลิกแบบกะทันหันและไม่มีแผนรองรับผลกระทบเช่นนี้

เจฟฟ์ เลนาร์ด จากสมาคมร้านสะดวกซื้อแห่งชาติ (National Association of Convenience Stores) กล่าวว่า สมาคมฯ รณรงค์ให้เลิกใช้เพนนีมากว่า 30 ปี แต่ไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้

“เราไม่ได้อยากให้เพนนีกลับมา เราแค่อยากได้คำแนะนำที่ชัดเจนจากรัฐบาล เพราะปัญหานี้จะยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ หากไม่มีใครเข้ามาจัดการ” เลนาร์ด กล่าว

ร้านสะดวกซื้อ ชีตซ์ (Sheetz) ซึ่งเน้นบริการในรัฐทางฝั่งตะวันออกและตอนกลางของประเทศ ถึงกับออกแคมเปญแจกน้ำอัดลมฟรีให้ลูกค้าที่นำเหรียญเพนนี 100 เหรียญมาส่งคืน  ขณะเดียวกัน ร้านค้าบางแห่งยังเชิญชวนลูกค้าให้บริจาคเศษเงินเพื่อการกุศล เพื่อหลีกเลี่ยงการทอนเหรียญเพนนีด้วย

ดีแลน จอนห์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมาคมค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) กล่าวว่าการขาดแคลนเหรียญเพนนี อาจกลายเป็นปัญหาทางกฎหมายให้กับธุรกิจต่างๆ ได้ เพราะการปัดเศษเงินขึ้นเพื่อให้เต็ม 5 หรือ 10 เซ็นต์ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ที่กำหนดให้ลูกค้าชำระเงินสดต้องได้รับการปฏิบัติแบบเท่าเทียมกับลูกค้าบัตรเดบิตหรือเครดิต

“เศษเงินที่ธุรกิจสูญไปจากการปัดลงนั้น มันคือเงินก้อนใหญ่จริงๆ” ดีแลน จอห์น กล่าว และว่า “แม้ตัวเลขจะดูเล็กน้อยเพียง 2–3 เซนต์ แต่เมื่อรวมกันหลายหมื่นธุรกิจ ก็กลายเป็นเงินจำนวนมาก

โฆษกของ Kwik Trip ร้านสะดวกซื้อในภูมิภาคมิดเวสต์ ระบุว่าการปัดเศษราคาสินค้าทุกรายการให้เต็ม 5 เซ็นต์นั้น คาดว่าจะทำให้ทางร้านสูญเงินประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ 

ทั้งนี้ เหรียญเพนนีชุดสุดท้ายถูกผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน และกระจายไปยังธนาคารและบริษัทขนส่งเงินในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ปัญหาหลักที่เป็นสาเหตุให้เหรียญเพนนีถูกกเลิกคือเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ และไม่หมุนเวียนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะคนอเมริกันนิยมเก็บไว้ในขวดหรือโหล ทำให้สำนักงานผลิตเหรียญกษาปณ์ต้องผลิตเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งที่เหรียญมีน้ำหนักมากและมีต้นทุนสูง

รายงานประจำปี 2024 ของโรงกษาปณ์สหรัฐฯ (US Mint) กระทรวงการคลัง ระบุว่าในปีนั้น รัฐบาลใช้เงิน 3.7 เซนต์ในการผลิตเหรียญเพนนีหนึ่งเหรียญ และ 13.8 เซนต์ต่อเหรียญห้าเซนต์หนึ่งเหรียญ โดยมีการผลิตเพนนีทั้งหมด 3.23 พันล้านเหรียญในปีนั้น ถือว่ามากกว่าเหรียญควอเตอร์ถึงสองเท่า ดังนั้น การเลิกผลิตเหรียญเพนนี จะช่วยให้รัฐฯ ประหยัดงบประมาณได้ราว 56 ล้านดอลลาร์.