อเมริกาเตรียมเก็บ “ดีเอ็นเอ” ผู้ขอวีซ่า-ใบเขียว
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : หลังจากเพิ่มขั้นตอน “ถ่ายภาพ” ต่างชาติทั้งขาเข้าและขาออกประเทศไปหมาดๆ ล่าสุด โฮมแลนด์ฯ ประกาศเก็บ “ดีเอ็นเอ” ผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศทุกชนิด รวมถึงผู้ยื่นขอใบเขียว และต่างชาติที่ถูกจับกุมโดยไม่มีข้อยกเว้นด้วย
นิวส์วีค รายงานเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2025 ว่ากระทรวงความมั่นคงภายใน (DHS) ได้ประกาศกฎใหม่ในเว็บไซต์ Federal Register (เว็บไซต์ของรัฐบาลกลางสำหรับเผยแพร่ข่าวสารทางกฎหมายและนโยบายของรัฐบาล) ระบุว่าทางกระทรวงฯ จะขยายการเก็บและใช้ข้อมูลชีวมิติ (biometrics) ให้คลุมไปถึงการตรวจดีเอ็นเอ ของผู้ยื่นขอสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสถานะการเข้าเมือง (applying for Immigration benefits) ทุกคน
โดยคำว่า ผู้ยื่นขอสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสถานะการเข้าเมืองนั้น หมายถึงผู้ยื่นขอวีซ่าเข้าอเมริกาทุกชนิด การขอปรับสถานภาพเป็นผู้พำนักถาวร (ใบเขียว), การขอเปลี่ยนสัญชาติ และยังรวมถึงการขอยื่นสิทธิประโยชน์อื่นๆ ของผู้อพยพในฐานะ “เหยื่อ” เช่นผู้หญิงที่เป็นเหยื่อเหตุรุนแรงตามกฎหมาย Violence Against Women Act (VAWA) หรือผู้ขอ ที-วีซ่า ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับเหยื่อการค้ามนุษย์ เป็นต้น
นิวส์วีค บอกว่าภายใต้กฎใหม่นี้ สำนักงานบริการสัญชาติและการอพยพฯ (USCIS) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงความมั่นคงฯ จะกำหนดให้ผู้ยื่นคำร้อง และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้องฯ ทุกคน รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ ต้องส่งข้อมูลชีวมิติทุกชนิด ทั้งลายนิ้วมือ ภาพใบหน้า ม่านตา/ดวงตา ลายเซ็น อาจรวมถึงดีเอ็นเอ และเสียง (voice prints) ด้วย
นอกจากนี้ กฎใหม่ยังขยายอำนาจของกระทรวงความมั่นคงฯ ให้สามารถทำการจัดเก็บข้อมูลชีวมิติของผู้อพยพทุกคนที่ถูกจับกุมด้วย
มอร์แกน เบลลีย์ อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงความมั่นคงฯ บอกกับนิวส์วีค ว่ากฎที่กระทรวงความมั่นคงฯ เพิ่งประกาศนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการ “ขยาย” และสานต่อนโยบายเดิมให้กว้างขึ้น คือให้คลุมชาวต่างชาติทุกคนที่ต้องการเข้าประเทศหรืออยู่ในประเทศแล้ว รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่นสปอนเซอร์ (ของผู้ยื่นขอใบเขียว) ด้วย
“มันจะยกเลิกข้อจำกัดด้านอายุ ซึ่งโดยทั่วไป ข้อมูลชีวมิติจะไม่ถูกเก็บจากเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้มีอายุมากกว่า 79 ปี รวมถึงเพิ่มการสแกนดวงตา เสียง หรือแม้แต่ดีเอ็นเอ จากเดิมที่เก็บเพียงลายนิ้วมือ ลายเซ็น และภาพถ่าย” อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงความมั่นคง กล่าว
โดยการเก็บดีเอ็นเอ ซึ่งน่าจะหมายถึงการเก็บตัวอย่างน้ำลายจากเยื่อบุแก้ม (buccal swab) นั้น เบลลีย์ ชี้แจงว่าอาจถูกนำไปใช้ยืนยันความสัมพันธ์ทางครอบครัวของผู้ยื่นฯ ในกรณีที่เอกสารอื่น เช่น สูติบัตร ไม่สามารถใช้ได้
“อาจไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเสมอไป บางกรณี การทดสอบดีเอ็นเอ จะเป็นประโยชน์ของผู้ยื่นคำร้องด้วยซ้ำ เพราะมันจะเป็นหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมที่เชื่อถือได้จริงๆ” เบลลีย์กล่าว
กฎใหม่นี้ มีขึ้นหลังรัฐบาลกลางเพิ่งประกาศกฎใหม่ว่าด้วยการถ่ายภาพชาวต่างชาติทุกคน ทั้งขาเข้าและขาออกจากประเทศ รวมถึงผู้ถือกรีนคาร์ดด้วย โดยบอกว่าจะถ่ายภาพที่ด่านศุลกากรทุกแห่ง ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสารการเดินทางและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ดี กฎใหม่ว่าด้วยการเก็บข้อมูลชีวมิติเพิ่มขึ้นนี้ยังไม่มีกำหนดบังคับใช้ โดยกระทรวงความมั่นคงฯ บอกว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนของการทำประชาพิจารณ์ผ่าน Federal eRulemaking Portal (www.regulations.gov) และจะเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะไปจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2026
ทั้งนี้ กระทรวงความมั่นคงฯ ย้ำว่าจะพิจารณาเฉพาะความเห็นที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วเท่านั้น.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส