เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายการเมืองเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐฯ ว่าในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2025 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2025 จำนวนแรงงานต่างชาติในสหรัฐฯ ทั้งที่มีสถานะถูกกฎหมายและอยู่ผิดกฎหมาย ได้หดหายไปมากกว่า 1.2 ล้านคน
“แรงงานต่างชาติมีสัดส่วนเกือบ 20% ของแรงงานทั้งหมดในอเมริกา และคิดเป็น 45% ของแรงงานภาคเกษตร ประมง และป่าไม้ (forestry) ราว 30% ของแรงงานก่อสร้าง และ 24% ของแรงงานบริการ” ข้อมูลระบุ
ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มขึ้นในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่ออุตสาหกรรมการเกษตร ธุรกิจ ก่อสร้าง บริการ ฯลฯ
ลิซ่า เทท เจ้าของฟาร์มส้ม อโวคาโด้ และกาแฟ ขนาด 800 เอเคอร์ในเวนทูร่า เคาน์ตี้ ของแคลิฟอร์เนีย บอกแรงงานส่วนใหญ่ของเธอเป็นแรงงานวันต่อวันจากผู้รับเหมา
“ตอนนี้มีแรงงานน้อยลง บางวันแทบไม่มี เพราะเขากลัวการบุกจับกุมของไอซ์” เทท กล่าว และว่าแรงงานของเธอบางคนถูกจับจากสถานที่สาธารณะ เช่น ที่ร้านซักรีดหรือข้างถนน
ในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลโดยสมาคมผู้รับเหมาทั่วไปแห่งอเมริกา (Associated General Contractors of America) พบว่าแรงงานก่อสร้างในเมืองใหญ่ หายไปเกือบครึ่ง
ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ “เป้าหมาย” ของทรัมป์นั้น สมาคมผู้รับเหมาฯ บอกว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือริเวอร์ไซด์, ซานเบิร์นนานดิโน่, ออนทาริโอ้ สูญเสียแรงงาน 7,200 ตำแหน่ง ส่วนพื้นที่ลอส แอนเจลิส, ลองบีช, เกลนเดล สูญเสีย 6,200 ตำแหน่ง
ศูนย์วิจัยพิว ยังบอกด้วยว่าการขาดแรงงานต่างชาติยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข เนื่องจากแรงงานต่างชาติมีสัดส่วนถึง 43% ในกลุ่มผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในบ้านเรือนและในบ้านพักคนชรา
เพีย ออร์เรเนียส นักเศรษฐศาสตร์แรงงานจากธนาคารกลางสหรัฐ สำนักงานเมืองดัลลัส กล่าวว่า โดยปกติแล้ว แรงงานต่างชาติมีส่วนอย่างน้อย 50% ต่อการเติบโตของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ดังนั้น การแรงงานต่างชาติที่หายไป ย่อมส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วน
“คำถามคือจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนอเมริกันหลายล้านไม่สามารถหาคนช่วยงานที่บ้านได้ แล้วใครจะไปเก็บเกี่ยวพืชผลของเรา ใครจะมาทำงานในโรงพยาบาลและบ้านพักคนชรา” ออร์เรเนียส กล่าว.