เอบีซีนิวส์ รายงานเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 ถึงคำแนะนำฉบับล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตและเจ้าหน้าที่กงสุลที่เกี่ยวข้องกับการออกวีซ่าในทุกประเทศ ระบุว่าเจ้าหน้าที่ควรพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอวีซ่าเข้าอเมริกาด้วย “เหตุผลใหม่” หลายประการ เช่นอายุ, เหตุผลด้านสุขภาพ หรือความเป็นไปได้ที่ผู้ยื่นขอวีซ่าอาจต้องพึ่งพาสวัสดิการสาธารณะของอเมริกา
“คำแนะนำระบุว่าคนเหล่านี้ อาจกลายเป็นภาระสาธารณะ เป็นการดึงทรัพยากรของสหรัฐฯ เนื่องจากปัญหาสุขภาพหรืออายุของพวกเขา” ข่าวระบุ
คำว่า “เหตุผลด้านสุขภาพ” นั้น คำแนะนำระบุตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคระบบทางเดินหายใจ, มะเร็ง, เบาหวาน, โรคเมตาบอลิก,โรคระบบประสาท และภาวะสุขภาพจิต โดยบอกว่าโรคเหล่านี้ “อาจต้องใช้ค่ารักษาหลายแสนดอลลาร์”
คำแนะนำยังบอกให้เจ้าหน้าพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆ ในการประเมินว่าผู้ยื่นขอวีซ่าจะกลายเป็นภาระสาธารณะหรือไม่ เช่นโรคอ้วน โดยบอกว่าผู้ป่วยอาจมีอาการหอบหืด, ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และความดันโลหิตสูง อีกทั้งแนะนำให้พิจารณาสถานะการเงินของผู้ยื่นขอวีซ่า ว่ามีมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากสุขภาพหรืออายุ ระหว่างพำนักอยู่ในอเมริกาหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น คำแนะนำของกระทรวงต่างประเทศ ยังบอกให้พิจารณาสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวของผู้ยื่นขอวีซ่าด้วย เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุ โดยตั้งคำถามว่า “ถ้าต้องดูแลคนพิการ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือผู้มีความต้องการพิเศษ ผู้ยื่นขอวีซ่าจะยังสามารถทำงานได้หรือเปล่า”
ข่าวอ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่า ที่ผ่านมานั้น การประเมินสุขภาพของผู้ยื่นขอวีซ่า จะเน้นไปที่การตรวจโรคติดต่อ เช่นวัณโรค หรือประวัติการฉีดวัคซีน หัด โปลิโอ และตับอักเสบบี แต่คำแนะนำฉบับล่าสุด เป็นการขยายขอบข่ายของโรคออกไปอย่างมาก และทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจมากขึ้นในการปฏิเสธวีซ่า
นอกจากนี้ ประเด็นที่ระบุว่า “ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจของตัวเองว่าสิ่งใดอาจนำไปสู่เหตุฉุกเฉินทางการแพทย์หรือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในอนาคต” ได้สร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญฯ เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าหน้าที่พิจารณาวีซ่า ไม่ได้มีพื้นฐานทางการแพทย์ และอาจตัดสินใจโดยอิงจากความรู้ส่วนตัวหรืออคติได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญฯ ชี้ว่าคำแนะนำใหม่ฉบับนี้สามารถใช้สำหรับการพิจารณาวีซ่าทุกชนิด แต่มีแนวโน้มจะใช้กับผู้ยื่นเรื่องต้องการพำนักถาวรในสหรัฐฯ (การขอกรีนคาร์ด) เป็นหลัก.