เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2025 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่ารัฐบาลอาจจ่ายเงินให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คนละ 2,000 ดอลลาร์ โดยใช้เงินจากรายได้ภาษีการค้าที่รัฐบาลของเขาจัดเก็บได้ 

“เงินปันผลอย่างน้อยคนละ 2,000 ดอลลาร์ (ไม่นับรวมคนที่มีรายได้สูง!) จะถูกจ่ายให้ทุกคน” ทรัมป์โพสต์ และว่าคนที่ต่อต้านมาตรการจัดเก็บภาษีตอบโต้ของเขา คือคนโง่ (Fools!)

ข่าวบอกว่าแนวคิดเรื่องการแจกเงินให้ประชาชนของทรัมป์ครั้งนี้ เป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา คือเป็นการพูดเพื่อเรียกคะแนนนิยมที่กำลังตกต่ำแบบ “นิวโลว์” โดยไม่มีแผนรองรับ 

ข่าวบอกว่าการนำเงินของรัฐบาลกลางออกมาแจกจ่ายให้ประชาชน ไม่อยู่ในอำนาจของประธานาธิดี เพราะต้องผ่านกระบวนการพิจารณางบประมาณและกฎหมายโดยสภาคองเกรสเสียก่อน

นอกจากนี้ สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ได้กล่าวเมื่อเดือนสิงหาคม (หลังทรัมป์พูดเป็นครั้งที่สองว่าจะนำรายได้จากภาษีตอบโต้ของเขามาแจกจ่ายให้ประชาชน) ว่าเป้าหมายอันดับแรกของรัฐบาลคือการนำรายได้จากภาษีตอบโต้ มาชำระหนี้สาธารณะ ซึ่งอยู่ที่ 38.12 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ใช่นำมาจ่ายคืนให้ชาวอเมริกัน

รายงานของกระทรวงการคลังเมื่อเดือนกันยายนระบุว่า รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 195,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจัดเก็บภาษีตอบโต้ของทรัมป์

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า ค่าใช้จ่ายในการแจกเงิน 2,000 ดอลลาร์ อาจสูงกว่ารายได้ที่จัดเก็บได้จากภาษีตอบโต้ของทรัมป์อยู่มาก โดยจากการคำนวณ พบว่าอาจจะเท่า หรือสูงกว่าสองเท่าของรายได้จากภาษีตอบโต้ ตั้งแต่เร่ิมเก็บจนถึงปัจจุบัน

เอริกา ยอร์ค รองประธานฝ่ายนโยบายภาษีของ Tax Foundation (think tank ด้านนโยบายภาษี) แสดงความเห็นว่า หากทรัมป์จะแจกเงิน 2,000 ดอลลาร์ให้กับผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 ดอลลาร์ ก็จะมีผู้ใหญ่ประมาณ 150 ล้านคนมีสิทธิ์รับเงิน

“หมายถึงรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณราว 300,000 ล้านดอลลาร์ หากเด็กมีสิทธิด้วย จำนวนเงินก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก” ยอร์ค กล่าว และว่าหากนำยอดเงินที่จะแจกมารวมกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดแล้ว ยอดเงินจะสูงขึ้นไปอีกมาก ขณะที่รายได้จากภาษีตอบโต้ของทรัมป์นั้น คำนวนแล้วพบว่ามีเพียง 90,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น” เอริกา ยอร์ค ระบุ

ขณะที่ จอห์น อาร์โนลด์ ประธานร่วมของ Arnold Ventures (think tank ด้านวิจัยนโยบายและโครงการช่วยแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ในเท็กซัส) ประเมินว่าการจ่ายเงิน 2,000 ดอลลาร์เพื่อเรียกคะแนนเสียงของทรัมป์ อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 513,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ความพยายามของทรัมป์ในการ “คืนกำไร” กลับไปให้ประชาชน มาจากกระแสตีกลับจากนโยบายภาษีกีดกันการค้าของเขา ที่ส่งผลกระทบรุนแรงกับผู้บริโภคภายในประเทศ โดยข้อมูลของ Yale Budget Lab (ศูนย์วิจัยงบประมาณและนโยบายสาธารณะของมหาวิทยาลัยเยล) ระบุว่าบริษัทผู้นำเข้า ซึ่งเป็นผู้จ่ายภาษีดังกล่าว ได้ผลักภาระบางส่วนมาที่ผู้บริโภคในประเทศ 

“ทำให้เมื่อเดือนตุลาคม ผู้บริโภคอเมริกันต้องรับภาระจากภาษีศุลกากรเฉลี่ยเกือบ 18% ถือว่าสูงสุดตั้งแต่ปี 1934” ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัยเยล ระบุ

ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้พูดถึงแนวทางการแจกเงินรายได้จากภาษีตอบโต้ของเขามาแล้วหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ทรัมป์พูดแบบ “เออออ” กับ อีลอน มัสก์ ซึ่งในเวลานั้นยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทำเนียบขาว และเป็นผู้บริหารของสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล (Doge) บอกว่าเขาจะจ่ายเช็ค “ปันผล” 5,000 ดอลลาร์ จากเงินออมที่เกิดขึ้นจากการยุบหน่วยงานและเลย์ออฟเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ซึ่งรอยเตอร์ระบุว่ามากกว่า 260,000 คน โดยการจ่ายเงินไม่เกิดขึ้นจริง เพราะการขาดดุลงบประมาณของประเทศ ยังคงเพิ่มขึ้นภายใต้โครงการ Doge

ทรัมป์ได้นำแนวคิดเรื่องการจ่ายเงินให้ประชาชนมาพูดอีกหลายครั้ง เช่นเดือนกรกฎาคมและตุลาคม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นที่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ เช่นกรณี เอปสตีนไฟน์ ปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจ โดยการประกาศแจกเงินครั้งล่าสุดนี้ มีขึ้นในช่วงที่คะแนนนิยมของเขาตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน.