หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ยืนยันผ่าน Truth Social เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2025 ว่ารัฐบาลจะนำเงินรายได้จากการเก็บภาษีตอบโต้ ที่ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก มาจ่ายเป็น “เงินปันผล” มูลค่า 2,000 ดอลลาร์ ให้กับชาวอเมริกันทุกคน ยกเว้นผู้มีรายได้สูง ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านั้น

ข่าวนี้ได้กลายเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลยังไม่มีข้อมูลรายละเอียด รวมถึงกรอบเวลาที่ชาวอเมริกันจะได้รับเงินก้อนนี้แต่อย่างใด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ทรัมป์กล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่าเงินปันผลจากภาษีศุลกากร จะถูกจ่ายในช่วงใดช่วงหนึ่งภายในปีหน้า และว่ารายได้จากภาษีตอบโต้ส่วนใหญ่ จะถูกใช้ตามประสงค์เดิม คือนำไปใช้ชำระหนี้สาธารณะ

ทั้งนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์ทั่วไป มองว่าข้อเสนอของทรัมป์อาจเจออุปสรรคหลายประการ รวมถึงปัญหาสำคัญคือ รายได้จากภาษีศุลกากรอาจไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้กับประชาชนตามที่ทรัมป์ป่าวประกาศเอาไว้ แถมยังจะเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะให้กับประเทศอีกด้วย

เอริกา ยอร์ค รองประธานฝ่ายนโยบายภาษีของ Tax Foundation (think tank ด้านนโยบายภาษี) แสดงความเห็นว่า หากทรัมป์จะแจกเงิน 2,000 ดอลลาร์ให้กับผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 ดอลลาร์ ก็จะมีผู้ใหญ่ประมาณ 150 ล้านคนมีสิทธิ์รับเงิน

“หมายถึงรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณราว 300,000 ล้านดอลลาร์ หากเด็กมีสิทธิด้วย จำนวนเงินก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก” ยอร์ค กล่าว และว่าหากนำยอดเงินที่จะแจกมารวมกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดแล้ว ยอดเงินจะสูงขึ้นไปอีกมาก ขณะที่รายได้จากภาษีตอบโต้ของทรัมป์นั้น คำนวนแล้วพบว่ามีเพียง 90,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น” เอริกา ยอร์ค ระบุ

ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันขององค์กร The Napolitan Institute เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ว่ามีชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียง 37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เชื่อว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือ 2,000 ดอลลาร์ให้ประชาชนจริงๆ  ขณะที่ 55% มองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น

กระทั่งผู้ตอบแบบสอบถามที่แสดงตัวว่าเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ก็เชื่อคำพูดของทรัมป์เพียง 52 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสมาชิกพรรคเดโมแครต เชื่อคำของทรัมป์เพียง 21 เปอร์เซ็นต์

ผลสำรวจของ The Napolitan Institute ดังกล่าว เก็บความเห็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,000 คนระหว่าง 12–13 พฤศจิกายน มีค่าความคลาดเคลื่อน +/- 3.1.