โดย : ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส

หมายถึงทุกคนที่เกิดปี 1960 ขึ้นมา จะต้องทำงานนานกว่าคนที่เกิดก่อนหน้านั้นประมาณสองเดือน

การขยับอายุของผู้ต้องการรับเงินประกันสังคมเต็มจำนวน หรือ Full Retirement Age – FRA นั้นเป็นไปตามกฎหมายปี 1983 เรียกว่า Social Security Amendments of 1983 หรือ “1983 rule” เพื่อปรับปรุงระบบการจ่ายเงินประกันสังคม ให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น ขณะที่อัตราการเกิดในประเทศลดลง ส่งผลให้มีคน “วัยทำงาน-เสียภาษี” น้อยลงจนไม่สมดุลกับจำนวนผู้รับเงินสวัสดิการฯ

1983 rule มีผลให้อายุเกษียณแบบรับเงินประกันสังคมเต็มจำนวน ถูกขยับขึ้นทีละสองเดือน จากเดิม 65 ปี (ก่อนปี 1983) ดังนี้

ผู้ที่เกิดปี 1943–1954 จะได้รับเงินเกษียณเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี
ผู้ที่เกิดปี 1955 จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี 2 เดือน
ผู้ที่เกิดปี 1956 จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี 4 เดือน
ผู้ที่เกิดปี 1957 จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี 6 เดือน
ผู้ที่เกิดปี 1958 จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี 8 เดือน
ผู้ที่เกิดปี 1959 จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 66 ปี 10 เดือน
และผู้ที่เกิดปี 1960 และหลัง จะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่ออายุ 67 ปี

ทั้งนี้ การยื่นขอรับเงินประกันสังคม ทำได้ตั้งแต่อายุ 62 ปี แต่จะไม่ได้เงินรับเต็มจำนวน โดยประเมินว่าการขอรับเงินก่อนเวลา จะทำให้เงินสวัสดิการถูกลดลงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน หากทำงานต่อไปหลังอายุครบเกษียณ คือเกษียณหลังอายุครบ 67 ปี จะมีเครดิตพิเศษ เรียกว่า delayed retirement credit เพิ่มขึ้นปีละ 8% เช่นหากเกษียณตอนอายุ 70 ปี จะได้รับเงินประกันสังคมเต็มจำนวน บวกเครดิตพิเศษสามปี ที่ 24% เป็นต้น

นอกจากอายุของผู้ยื่นขอรับเงินประกันสังคมแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ยอดเงินที่แต่ละคนได้รับไม่เท่ากัน เช่นรายได้ที่ยื่นเสียภาษี, ระยะเวลาการเสียภาษี, การปรับตามค่าครองชีพในแต่ละปี (cost of living adjustment) ฯลฯ

ทั้งนี้ ยอดเงินประกันสังคมสูงสุดที่ผู้เกษียณได้รับ มีการปรับเพิ่มเล็กน้อยในปี 2026 คือขยับจาก 4,018 ดอลลาร์ เป็น 4,152 ดอลลาร์.