เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รายการข่าว 7 On Your Side ของเครือข่ายเอบีซีในซานฟรานซิสโก นำเสนอเรื่องราวของโรอาร์ค โรว์แลนด์ และ อาลี ดาร์วิช สองนักศึกษาจากเซนต์แมรี คอลเลจ ในเมืองโมราก้า ย่านเบย์แอเรีย ที่พยายามช่วยโกเฟอร์ตัวจิ๋วจนถูกกัดนิ้ว ได้พลาสเตอร์ปิดแผลรูปสไปเดอร์แมนคนละแผ่น พร้อมบิลค่ารักษาก้อนโต
เด็กหนุ่มทั้งสองผลัดกันเล่าเรื่องให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเห็นตัวโกเฟอร์ ติดอยู่ที่หลุมโคลนในสนามหญ้าของคอลเลจ จึงพยายามช่วย (พร้อมกับถ่ายคลิปเพื่อทำคอนเทนต์) เป็นเหตุให้โรว์แลนด์ โดนเจ้าตัวเล็กกัดนิ้วไปหนึ่งแผล และเมื่อเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนถ่ายคลิปให้เพื่อนบ้าง เพื่อนก็โดนงับเป็นแผลเล็กๆ ที่ปลายนิ้วเช่นเดียวกัน
แรกนั้น สองเพื่อนซี้ไม่ได้กังวลอะไร จนกระทั่งคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป และมีหลายคอมเมนต์พูดถึงโอกาสติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งมีอันตรายถึงตาย ทำให้สองนักศึกษาเริ่มกังวล
วันนั้น คลินิกสุขภาพของสถาบันปิดทำการ ทำให้ทั้งสองคนต้องชั่งใจ ว่าจะไปโรงพยาบาลดีหรือเปล่า
“แล้วความเสี่ยงไหนหนักกว่ากัน พิษสุนัขบ้าหรือค่ารักษาแพงๆ” หนึ่งในสองเล่า
สุดท้าย ความกลัวทำให้สองคนตัดสินใจพากันไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจอห์น มัวร์ ห่างออกไปประมาณสองไมล์ ในเมืองวอลนัทครีก
หลังจากรอคิวเป็นเวลานาน พวกเขาก็ได้รับการตรวจแผลจากเจ้าหน้าที่ ที่ยืนยันว่าโอกาสติดโรคพิษสุนัขบ้าจากโกเฟอร์ แทบเป็นศูนย์ จึงไม่ต้องฉีดวัคซีนอะไร ว่าแล้วก็ติดพลาสเตอร์รูปสไปเดอร์แมนให้ทั้งสองคน คนละแผ่น
โล่งใจอยู่ไม่นาน ความตกใจก็เข้ามาแทนที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นบิลเรียกเก็บเงิน
“เขาเรียกเก็บเงินคนละ 1,200 ดอลลาร์ ผมตกใจ ‘แค่แปะพลาสเตอร์สไปเดอร์แมนแผ่นเดียว 1,200 ดอลลาร์จริงหรือ’ เขาก็บอกว่า ‘ไม่ใช่ค่ารักษา นี่แค่ค่ามา ER นะ’ ผมตกใจมาก” โรว์แลนด์เล่า
โดยค่าห้องฉุกเฉิน (ER bill) ในวันนั้นอยู่ที่ 2,054 ดอลลาร์ต่อคน โดยต้องจ่ายค่าประกันร่วม (co-pay) คนละ 1,256 ดอลลาร์
และก่อนออกจากโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกโรว์แลนด์ว่าถึงเวลาต้องฉีดบูสเตอร์วัคซีนบาดทะยักแล้ว โดยยืนยันว่าประกันรับผิดชอบให้ทั้งหมด
“ผมถามย้ำหลายครั้งว่า ‘แน่ใจนะว่าจะไม่คิดเงินเพิ่มอีก’ เธอบอกว่าผมจ่ายเกินยอด deductible แล้ว จะไม่ถูกคิดเงินเพิ่มอีก” โรว์แลนด์ บอก
ดังนั้น โรว์แลนด์จึงยอมฉีดวัคซีน และสามเดือนต่อมาเขาก็ได้รับบิลใหม่ เพิ่มเป็น 5,200 ดอลลาร์ เกือบสองเท่าจากบิลใบแรก โดยยอดที่เขาต้องจ่าย co-pay สูงถึง 3,500 ดอลลาร์
ทั้งนี้เพราะโรงพยาบาลเรียกเก็บค่าฉีดวัคซีนบาดทะยัก 1,400 ดอลลาร์ ทั้งที่ยืนยันว่าฟรี
“ไม่เคยคิดเลยว่าการช่วยโกเฟอร์แล้วต้องเสียเงินสามพัน” โรว์แลนด์กล่าว
ข่าว 7 On Your Side ได้สอบถามโรงพยาบาลจอห์น มัวร์ ถึงเหตุผลที่โรว์แลนด์ ได้รับบิลเรียกเก็บเงินก้อนโตเช่นนั้น ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ตอบว่าโรว์แลนด์ ได้รับบิลค่ารักษาตามราคาที่ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า แต่ค่าใช้จ่ายจริง จะคำนวณหลังจากจบการรักษาทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ทางโรงพยาบาลบอกว่ายังไม่มีข้อมูลเรื่องเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าประกันจะจ่ายค่าวัคซีนเข็มบูสเตอร์ แต่ยอมรับความผิดพลาด เพราะ โรว์แลนด์ ควรจะทราบราคาค่าฉีดวัคซีนตั้งแต่ต้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลครบถ้วน
และท้ายที่สุด โรงพยาบาลยอมลดบิลค่ารักษาของโรว์แลนด์เหลือ 1,200 ดอลลาร์ คือยกเลิกค่าฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ประมาณ 2,300 ดอลลาร์
ที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลบอกด้วยว่า “จะใช้ความผิดพลาดครั้งนี้ เป็นบทเรียนให้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงิน” และว่าทางโรงพยาบาล “กำลังทบทวนขั้นตอนให้ข้อมูลค่าใช้จ่ายล่วงหน้าแก่ผู้ป่วยห้องฉุกเฉินทั้งระบบอยู่”
7 On Your Side แจ้งข่าวนี้ให้โรว์แลนด์ ซึ่งกำลังทำงานสอนภาษาอังกฤษที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เด็กหนุ่มดีใจมาก
แม้ประสบการณ์นี้จะวุ่นวาย แต่โรว์แลนด์ก็ยืนยันว่าไม่เสียใจที่ลงมือช่วยโกเฟอร์ในวันนั้น
“ฉันหวังว่ามันสบายดี” เขากล่าวอย่างอารมณ์ดี.