เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศตัดสาขาอาชีพหลายสาขาออกจากรายการปริญญาวิชาชีพ (Professional degree) ซึ่งจะมีผลให้นักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกของสาขาเหล่านี้ หมดสิทธิ์เข้าถึงโปรแกรมเงินกู้เพื่อการศึกษาของรัฐ ชื่อ Grad PLUS
สาขาวิชาที่ถูกตัดออกจากรายการปริญญาวิชาชีพ คือผู้ช่วยแพทย์ (Physician Assistants), พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ (Nurse Practitioners), นักโสตสัมผัสวิทยา (Audiologists) และนักกายภาพบำบัด (Physical Therapists)
ประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผลมาจากกฎหมายภาษีและงบประมาณ “Big Beautiful Bill” ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีผลให้ตัดงบประมาณสนับสนุนการศึกษาลงเป็นจำนวนมาก รวมถึงโปรแกรมเงินกู้เพื่อการศึกษา Grad PLUS สำหรับช่วยเหลือนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาและปริญญาวิชาชีพด้วย
นอกจากยกเลิกวิชาชีพพยาบาลออกจากปริญญาวิชาชีพแล้ว กระทรวงศึกษาฯ ยังประกาศใช้แผนเพดานเงินกู้ เรียกว่า Repayment Assistance Plan สำหรับนักศึกษาบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทและเอก) สูงสุด 20,500 ดอลลาร์ต่อปี และนักศึกษาวิชาชีพสูงสุดที่ 50,000 ดอลลาร์ต่อปี เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2026
ซึ่งจะทำให้นักศึกษาในโปรแกรมปริญญาวิชาชีพ จะถูกจำกัดวงเงินกู้ตลอดชีวิตไว้ที่ 200,000 ดอลลาร์ ในขณะที่นักศึกษาที่ไม่ได้เรียนปริญญาวิชาชีพจะถูกจำกัดวงเงินตลอดชีวิตไว้ที่ 100,000 ดอลลาร์
ส่วนสาขาวิชาที่กระทรวงศึกษาฯ ยังคงถือเป็นปริญญาวิชาชีพต่อไป คือ แพทยศาสตร์ (Medicine), เภสัชศาสตร์ (Pharmacy), ทันตแพทยศาสตร์ (Dentistry), สายตา (Optometry), กฎหมาย (Law), สัตวแพทยศาสตร์ (Veterinary Medicine), แพทยศาสตร์ออสทีโอพาธี (Osteopathic), แพทย์เท้า (Podiatry), หมอนวดกระดูก (Chiropractic), เทววิทยา (Theology) และจิตวิทยาคลินิก (Clinical Psychology)
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้กลุ่มพยาบาล, นักศึกษาพยาบาลและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงกับวิชาชีพพยาบาล ซึ่งกำลัง “ตึงตัว” อยู่ในขณะนี้
สมาคมพยาบาลอเมริกัน (American Nurses Association – ANA) ออกแถลงการณ์ระบุว่าการจำกัดเงินกู้จากรัฐบาลกลางนี้ “ทำลายความพยายามในการสร้างและรักษากำลังพยาบาลที่มีไม่เพียงพอในเวลานี้”
นายกสมาคมพยาบาลฯ เจนนิเฟอร์ เมนซิก เคนเนดี กล่าวว่า พยาบาลคือ “กลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกำลังหลักในระบบสาธารณสุขของประเทศ” และว่าในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญกับการขาดแคลนพยาบาลอย่างหนักนี้ “การจำกัดเงินทุนสำหรับการศึกษาต่อในระดับสูงคือการคุกคามรากฐานของการดูแลผู้ป่วยโดยตรง”
ขณะที่ แพทริเซีย พิตต์แมน ศาสตราจารย์ด้านนโยบายและการจัดการด้านสุขภาพ แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน แสดงความเห็นว่า การตัดสิทธิ์นี้เป็น “ทำร้ายจิตใจพยาบาล” เพราะการศึกษาต่อคือวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะในชนบทและชุมชนที่ขาดแคลน
“นอกจากนี้ การบอกว่าพยาบาลไม่ใช่สาขาวิชาชีพ ยังเป็นการดูหมิ่นต่อพยาบาล ที่ยังต้องต่อสู้เพื่อการยอมรับในระบบสาธารณสุขอยู่ในเวลานี้” พิตต์แมน กล่าว.