เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 กระทรวงความมั่นคงภายใน (Homeland Security) แถลงว่าจะนำระเบียบที่เรียกว่า public charge หรือการพิจารณาสถานะของบุคคลที่พึ่งพิงสวัสดิการหรือความช่วยเหลือจากรัฐ จนไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ กลับมาใช้พิจารณาการขอสถานภาพ (ใบเขียว) ของผู้อพยพอีกครั้ง โดยมีการแจ้งเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ (USCIS) แล้ว

สวัสดิการของรัฐที่แถลงการณ์ของกระทรวงความมั่นคงฯ ระบุคือ Medicaid, คูปองอาหาร (SNAP หรือ Food Stamps), ความช่วยเหลือในรูปเงินสดต่างๆ ฯลฯ รวมถึงการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านพักคนชราด้วย

ทั้งนี้ การพิจารณา public charge นี้ ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในสมัยทรัมป์ 1 เมื่อปี 2019 แต่ได้ถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ด้วยเหตุผลว่าจะทำให้ผู้อพยพที่กำลังเดือดร้อนไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากรัฐ

อย่างไรก็ตาม การนำกฎเกณฑ์เรื่อง public charge กลับมาใช้อีกครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงฯ คริสตี้ โนม ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน คือการ “มัดมือ” ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองฯ และว่าการห้ามไม่ให้ตรวจสอบหรือพิจารณาข้อมูลสำคัญของผู้อพยพนั้น ถือเป็นความเสี่ยงสูงที่จะเพิ่มปริมาณคนไร้คุณภาพ ที่หวังพึ่งพาสวัสดิการของรัฐบาลมากขึ้น

“การพิจารณาในทุกปัจจัยรวมกัน จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถประเมินโอกาสที่ผู้อพยพอาจกลายเป็นผู้พึ่งพิงสวัสดิการรัฐได้อย่างแม่นยำ โดยใช้วิจารณญาณของตนเอง” รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ กล่าว

แม้จะเป็นเพียงข้อเสนอ แต่แนวคิดเรื่องการนำ public charge กลับมาใช้พิจารณาให้สถานภาพของผู้อพยพ ถูกคัดค้านอย่างกว้างขวางจากองค์กรด้านสุขภาพและสิทธิผู้อพยพ เช่นสหภาพองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพ (Protecting Immigrant Families Coalition) แถลงว่า public charge คือข้อเสนออันตราย เพราะสร้างความสับสนและความหวาดกลัว ทำให้ผู้อพยพหลีกเลี่ยงการขอรับการรักษาพยาบาลและความช่วยเหลือที่พวกเขามีสิทธิ์ตามกฎหมาย เป็นการสร้างอคติทางการเมืองกับครอบครัวผู้อพยพ.