เป็นที่แน่นอนว่าประธานาธิบดีสามารถส่งกองกำลังแห่งชาติไปที่ชายแดนได้ ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายท่านให้การยืนยันไว้ในการประชุมสภาครั้งล่าสุดเกี่ยวกับคนเข้าเมือง แต่ประธานาธิบดีเองก็ไม่สามารถที่จะออกกฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมืองผ่านฝ่ายบริหารได้
สิ่งที่ประธานาธิบดีสามารถกระทำได้ผ่านอำนาจของฝ่ายบริหารคือ:
* สามารถปรับแต่งแนวทางที่มีอยู่ว่าใครมีความสำคัญและใครควรถูกดำเนินคดีในการพิจารณาคดีเนรเทศ
* สามารถวางกำลังเสริมให้กับตำรวจตระเวนชายแดนและกองกำลังรักษาดินแดน
* สามารถเลือกที่จะดำเนินการโครงการเยาวชนที่ถูกพ่อแม่นำเข้าประเทศมาด้วยอย่างผิดกฎหมาย (DACA) ต่อไป เป็นที่น่าสังเกตว่า โครงการนี้อนุญาตให้เด็กเหล่านั้นสามารถอาศัยอยู่ในประเทศได้ชั่วคราว, ทำงานและไปโรงเรียนได้ แต่ไม่ใช่เส้นทางที่จะทำให้ให้พวกเขามีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
* สามารถคงไว้ซึ่งทางเลือกในการใช้กำไลข้อเท้าในบางรัฐ หรือการเข้ารายงานตัวทุกสัปดาห์ต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแทนการถูกคุมขัง
* สามารถที่จะเพิ่มปริมาณการให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายฟรีแก่ผู้อพยพที่ถูกดำเนินคดีเนรเทศ
อย่างไรก็ตาม หากจะต้องมีการถ่ายโอนทรัพยากรโดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผู้พิพากษาไปยังพื่นที่ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาคดีล้นศาล หรือเพิ่มเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นเพื่อทำการสัมภาษณ์เด็กเหล่านั้น ก็ไม่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในระยะยาวได้ เพราะว่าศาล ต่างก็มีคดีล้นศาลอยู่แล้ว ซึ่งผู้อพยพหลายคนก็ต้องรอหลายปีกว่าจะถึงวันนัดให้ไปศาล สภาคองเกรสเองก็ต้องจัดสรรงบประมาณซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสขึ้นศาลภายในเวลาที่สมควร
เป็นที่แน่นอนว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่ประธานาธิบดีไม่สามารถทำได้ เนื่องจากว่าในเรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองหรือผู้อพยพได้มีกฎหมายกำหนดไว้แล้ว และฝ่ายบริหารเองก็ไม่ได้เป็นคนออกกฎหมาย ดังนั้นในส่วนที่ต้องการปฎิรูปมากที่สุดนั้น ประธานาธิบดีเองก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เช่นการเพิ่มจำนวนวีซ่าประเภทครอบครัวและการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดจำนวนเรื่องที่คั่งค้าง อย่างไรก็ตาม หลายคนก็โต้แย้งว่า คู่สมรสและบุตร ไม่ควรถูกรวมอยู่ใน 140,000 กรีนการ์ดที่ถูกจำกัดให้กับการจ้างงาน ไม่ว่าประธานาธิบดีจะสามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ดังกล่าวได้หรือไม่นั้น ก็ยังคงไม่เป็นที่ชัดเจน
การเข้ามาอย่างท่วมท้นของเด็กๆ บริเวณชายแดนรัฐเท็กซัสนั้น ชี้ให้เห็นถึงปัญหาสำคัญของระบบตรวจคนเข้าเมืองของเรา และเป็นที่น่าเศร้าที่สภาคองเกรสเองปฏิเสธที่จะทำหน้าที่เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น เราก็ต้องดูกันต่อไปว่าขั้นตอนที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโอบามาใช้จะไปถึงระดับที่มีการใช้อำนาจฝ่ายบริหารในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้หรือไม่
…………
ท่านสามารถกด Like เฟสบุ๊คของเราได้ที่ www.facebook.com/medveilaw หรือ Follow ทางทวิตเตอร์ของเราได้ที่ www.twitter.com/medveilaw.com บทความฉบับนี้เป็นบทความของสำนักงานกฎหมาย เอเดรียน เมดเวย์ (Law Offices of Adrien Medvei) ซึงมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ท่านเท่านั้น บทความนี้มิใช่คำแนะนำ ทางกฎหมาย ผู้เขียนบทความและผู้อ่านบทความย่อมไม่มีความสัมพันธ์ ในฐานะทนายความ-ลูกความ ต่อกัน
หากท่านต้องการคำแนะนำทางด้านกฎหมายหรือต้องการประเมินคดีของท่านเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น กรุณาติดต่อสำนักงานกฎหมายเอเดรียน เมดเวย์ (Law Offices of Adrien Medvei) ตั้งอยู่ที่ 3055 ถนน Wilshire ห้อง 900 ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย 90010 โทรศัพท์ (213) 984-4013 หรือสามารถใช้บริการโทรฟรีที่ (866) 731-1067 ทางอีเมลล์ amedvei@medveilaw.com
เว็บไซต์สำนักงาน www.medveilaw.com ทางเฟสบุ๊คที่ www.facebook.com/medveilaw
หรือทางทวิตเตอร์ที่ www.twitter.com/medveilaw.com