แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : “ลัดดา ดัคเวิร์ธ” ชวดเป็นรัฐมนตรีแล้ว หลัง “โจ ไบเดน” ประกาศเลือก “นายพลลอยด์ ออสติน” คุมกระทรวงกลาโหม และ “เดนิส แมคโดนัฟ” อดีตผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว คุมกระทรวงทหารผ่านศึก

พันโทหญิงลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ซึ่งเป็นนักการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายไทย หมดโอกาสสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้ที่มีเชื้อสายไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลสหรัฐแล้ว หลังจากที่ไม่ได้รับการคัดเลือกจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้เข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีฝ่ายกิจการทหารผ่านศึก แม้เป็นตัวเก็งที่ได้รับการคาดหมายจากสื่อมวลชนก่อนหน้านี้

โดยเอพีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศว่าจะเลือก นายพล ลอยด์ ออสติน เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับขอร้องให้สภาคองเกรส ยกเลิกข้อห้ามตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Act of 1947) ที่กำหนดว่ารัฐมตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นพลเรือน (civilian) หรือหากเป็นนายทหารของกองทัพสหรัฐฯ ก็จะต้องเกษียณอายุแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ปี

เอพีระบุด้วยว่า หลายเสียงในสภาคองเกรสไม่เห็นกับการที่ไบเดนเสนอชื่อ ลอยด์ ออสติน ซึ่งเกษียณอายุเมื่อปี 2016 เข้ามารับตำแหน่งสำคัญ เพราะเป็นการซ้ำรอยกับพฤติกรรมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ละเลยกฎหมาย และเสนออดีตนายพลหลายคนเข้ามารับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลของเขา รวมถึงพลเอกเจมส์ แมตทิส อดีตนายพลกองทัพเรือที่ทรัมป์เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหมด้วย

ไบเดน ยืนยันว่าเขาพิจารณาแล้วว่า ลอยด์ ออสติน มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.กลาโหม และรู้จักหน้าที่นี้เป็นอย่างดี สามารถทำงานได้ดีภายใต้แรงกดดัน จึงแตกต่างจากบรรดานายพลคนๆ

“ความคุกคามและความท้าทายอันเร่งด่วนที่ชาติของเรากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ เขา (นายพลลอยด์ ออสติน) ควรได้รับการรับรองอย่างรวดเร็ว” โจ ไบเดน ระบุ และย้ำว่า “เขาคือคนที่เราต้องการในขณะนี้”

หากได้รับการรับรองจากสภาคองเกรส นายพลออสติน อดีตผู้บัญชาการทหารสหรัฐในตะวันออกกลางในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเป็นนายทหารผิวดำคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว

โดยปัจจุบันนี้ ลอยด์ ออสติน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทเรย์เธียน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้งเป็นกรรมการในบริษัทนูคอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ และบริษัทเทเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทในธุรกิจรักษาสุขภาพ

จากนั้นในวันที่ 10 ธันวาคม ก็มีข่าวว่า ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ตัดสินใจเลือก เดนิส แมคโดนัฟ อดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว (chief of staff) ในสมัยรัฐบาลบารัก โอบาม่า (2013-2017) ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึก

ข่าวบอกว่าชื่อของ เดนิส แมคโดนัฟ ไม่เคยถูกเอ่ยถึงในฐานะบุคคลที่ควรได้รับการพิจารณาให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกมาก่อน เพราะส่วนใหญ่แล้ว ผู้ดำรงตำแหน่งนี้จะเป็นทหารผ่านศึก โดยที่ผ่านมา ชื่อของพันโทหญิงลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ ถูกเอ่ยถึงในฐานจะตัวเก็งมาโดยตลอด เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลโอบาม่าด้วย

ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ ซึ่งปัจจุบันเป็นวุฒิสมาชิกแห่งรัฐอิลลินอยส์ โดยเธอได้สมัครเข้าร่วมกองทัพสหรัฐในปี 1992 และเลือกที่จะเป็นนักบินขับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งระหว่างที่เข้าร่วมรบในสงครามอิรักเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2004 เฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอว์คที่เธอเป็นนักบินผู้ช่วย ได้ถูกยิงตก ทำให้ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง ส่วนแขนขวาพิการ และแพทย์ได้ทำการต่อแขนข้างขวาให้แทมมี่ แต่เธอก็ต้องนั่งบนรถเข็น และใช้ขาเทียมนับตั้งแต่นั้นมา

อย่างไรก็ดี แม้ว่าลัดดา แทมมี่ ดัคเวิรธ์ จะเป็น “ตัวเก็ง” ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และกิจการทหารผ่านศึกในสายตาของนักวิจารณ์การเมืองจากค่ายต่างๆ ที่พิจารณาจากผลงานและความเหมาะสมเป็นหลัก แต่ก็มีนักวิจารณ์บางส่วนมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีของสองกระทรวง เป็นตำแหน่งที่ต้องดูแลทหารอเมริกันที่กระจายอยู่ทั่วโลก และที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีของทั้งสองกระทรวงที่เป็นผู้หญิงมาก่อน

ดังนั้น หากแทมมี่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของโจ ไบเดน นอกจากเธอจะเป็นผู้ที่มีเชื้อสายไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลสหรัฐแล้ว ยังจะเป็นรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองกระทรวงอีกด้วย

การพลาดตำแหน่งรัฐมนตรีของนักการเมืองเชื้อสายไทยครั้งนี้ ถือเป็นความผิดหวังอีกครั้งของชุมชนไทยในอเมริกา เพราะก่อนหน้านี้ ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ เคยถูกลุ้นว่าจะได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งที่สุดแล้ว โจ ไบเดน ก็ได้เลือก คามาลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกและอดีตอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้รับตำแหน่งแทน.