กระแสเรียกร้องให้มีการปลด หรือถอดถอน (impeachment) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่เขาจะครบวาระในวันที่ 20 มกราคม ยังคงเชี่ยวกราก จากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะมีกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ จำนวนมาก บุกเข้าไปอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าทรัมป์คือผู้ยุยงให้เกิดเหตุการณ์อัปยศดังกล่าว
ข่าวระบุว่า แคทเธอรีน คล้าก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นแกนนำคนหนึ่งของพรรคเดโมแครต กล่าวเมื่อวันที่ 9 มกราคมว่า สภาผู้แทนราษฎร จะดำเนินกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันจันทร์ที่ 11 มกราคม ถ้าหากรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) เพื่อถอดถอนประธานาธิบดี เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีสภาพจิตใจไม่ปกติ
ส่วนในสภาสูง หรือวุฒิสภานั้น ชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องเช่นกันให้มีการปลดประธานาธิบดีทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภาถือเป็นการก่อกบฏต่อสหรัฐ โดยได้รับการยุยงปลุกปั่นจากท่านประธานาธิบดี
“ซึ่งประธานาธิบดีคนนี้ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งนานกว่านี้แม้แต่วันเดียว เขาควรถูกปลดโดยเร็วที่สุด และด้วยวิธีที่ได้ผลมากที่สุด โดยควรจะเกิดขึ้นในวันนี้" นายชูเมอร์กล่าว
ชัค ชูเมอร์ระบุว่า รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ควรจะใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งหากนายเพนซ์และคณะรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะดำเนินการดังกล่าว สภาคองเกรสก็ควรจะจัดการประชุมเพื่อถอดถอนทรัมป์
ข่าวบอกว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ มีท่าทีอย่างไรกับแนวทางการปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยตัวเองจะต้องขึ้นรักษาการจนกว่าจะมีผ่านพ้นพิธีการสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งของโจ ไบเดน แต่มีคณะรัฐมนตรีหลายคน รวมถึง สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง และ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ กำลังหารือกันเพื่อผลักดันให้มีการใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ด้วยเหตุผลว่าการเป็นบุคคลที่มีสภาพจิตใจไม่ปกติของทรัมป์ อาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้อีกมาก หากยังคงอยู่ในตำแหน่ง
ก่อนหน้านั้น นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ออกมาเรียกร้องให้พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม หาทางป้องกันมิให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ หรือเข้าถึงรหัสกดปุ่มนิวเคลียร์ ในขณะเห็นชัดว่าเขามีอาการ "จิตไม่ปกติ" เช่นในเวลานี้
"ภาวะของท่านประธานาธิบดีที่ควบคุมไม่ได้ในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ซึ่งเราจะต้องทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันมิให้เขาทำร้ายประเทศของเราและประชาธิปไตยของเรา ท่ามกลางภาวะจิตที่ไม่ปกติในขณะนี้" นางเพโลซีระบุ.