เมืองซานฟรานซิสโก ใช้วิธีการใหม่ในการปราบโจรทุบกระจกรถเพื่อขโมยของ ซึ่งชุกชมจนเกินกำลังเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแล โดยตั้งรางวัล “หลักแสน” สำหรับเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมคนร้ายระดับ “หัวหน้า” 

โดย ลอนดอน บรีด นายกเทศมนตรีของเมืองซานฟรานซิสโก แถลงเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงกลยุทธใหม่ในการควบคุมปัญหาอาชญากรรมที่เรียกว่า smash and grabs ซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยบอกว่าเงินรางวัลนำจับดังกล่าว มาจากการบริจาคของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการในซานฟรานฯ เบย์แอเรีย ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาอาชญากรรมดังกล่าว

เงินกองทุนที่มีอยู่ประมาณ 225,000 ดอลลาร์นั้น นายกเทศมนตรีฯ ระบุว่าจะมอบให้กับผู้แจ้งเบาะแสในการจับกุมคนร้ายระดับหัวหน้า หรือระดับบริหารของแก๊งเท่านั้น โดยเชื่อว่ามีแก๊งคนร้ายที่เน้นการขโมยของในรถของนักเที่ยวในเขตเมืองซานฟรานฯ มากกว่า 10 แก๊ง 

แม้คดีขโมยของในรถของซานฟรานฯ จะกลายเป็นปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป แต่นายกเทศมนตรี ระบุว่าคดีในลักษณะนี้กำลังลดลง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2017 ที่มีคดีทุบรถเพื่อขโมยของสูงถึง 31,400 คดี หรือปี 2019 ที่มี 26,000 คดี เพราะคดีทุบรถฯ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ลดลงเหลือเพียงประมาณ 15,000 คดี เท่านั้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา คลินตัน เคน นักร้องดังของออสเตรเลีย ได้โพสต์โซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า ถูกทุบกระจกรถเอสยูวี โดยคนร้ายได้อุปกรณ์กล้องและทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ามากกว่า 30,000 ดอลลาร์ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่เขาและทีมงานกำลังรับประทานอาหารอยู่ในร้าน และรถก็จอดอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงทุบกระจกชัดเจน แต่เมื่อเขาและทีมงานวิ่งไปถึง คนร้ายใช้อาวุธปืนขู่ ก่อนจะหลบหนีไป

นอกจากปัญหาทุบกระจกเพื่อขโมยของแล้ว ซานฟรานซิสโกยังมีปัญหาอาชญากรรมประเภทอื่นอีกมากมาย เช่นการขโมยของในร้านค้าปลีก (retail theft) หรือบ้านเรือนประชาชน นอกเหนือจากปัญหาทำร้ายชาวเอเชียที่มีสาเหตุมาจากการเหยียดผิวด้วย ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศต่างๆ (รวมถึงประเทศไทย) ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองให้ระมัดระวังทรัพย์สิน และสวัสดิภาพของตัวเองให้มาก ระหว่างท่องเที่ยวอยู่ในซานฟรานซิสโก.