โดย : ภาณุพล รักแต่งาม
ด้วยความที่อเมริกาใช้ระบบแบ่งเขตการปกครองที่ชัดเจน ตั้งแต่ระดับรัฐบาลกลาง ลงมาถึงระดับรัฐ ระดับเคาน์ตี้ และระดับซิตี้ ทำให้บางครั้ง กฎหมาย, ระเบียบ หรือคำสั่งต่างๆ ของแต่ละส่วนการปกครอง สามารถสร้างความ “สับสน” ให้ประชาชนทั่วไปได้
ในส่วนของคำสั่งเกี่ยวกับการตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของ “ลูกค้า” ที่ประสงค์จะเข้าไปใช้บริการแบบ “อินดอร์” ของสถานประกอบการต่างๆ ก็เช่นกัน
ขณะนี้ พวกเราคนไทยในลอส แอนเจลิส อาจจะกำลังสับสนว่าคำสั่งบังคับตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนมีผลบังคับใช้หรือยัง เพราะมีคำสั่งจากสองส่วนการปกครอง คือทั้งจากเคาน์ตี้ และจากซิตี้ ซึ่งเป็นอิสระจากกัน มีระยะเวลาบังคับใช้ต่างกัน แถมสาระของคำสั่งยังต่างกันอยู่พอสมควรด้วย
-แอลเอ เคาน์ตี้
ในส่วนของคำสั่งตรวจหลักฐานฉีดวัคซีนฯ ของแอลเอ เคาน์ตี้ ซึ่งมีผลกับทุกเมืองในพื้นที่นั้น เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสฯ ที่ 4 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการทุกคนจะต้องโชว์บัตรฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือหลักฐานอื่นใดก็ตามที่ระบุว่า “ได้รับวัคซีนครบโดส” ก่อนเข้าไปในบาร์, ไนท์คลับ, โรงไวน์ และสถานบริการแบบ “อินดอว์” อื่นๆ (ยกเว้นร้านอาหาร) รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ เช่นการแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ต หรืองานเฟสติวัลต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของ แอลเอ เคาน์ตี้
อีกทั้งจะต้องฉีดครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันอีกด้วย...
ถือเป็นมาตรการควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19 ระยะที่สองของเคาน์ตี้ หลังจากระยะแรกที่มีผลไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว บังคับให้ผู้ใช้บริการทุกคนที่อายุ 12 ปีขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสเท่านั้น
และหากผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน คิดจะใช้หลักฐานการตรวจหาเชื้อฯ ที่เป็นลบมาแสดงแทนแล้วละก็... สำนักงานสาธารณสุขของแอลเอ เคาน์ตี้ บอกชัดเจนว่า “ไม่ได้”
ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถใช้บริการในส่วนเอาท์ดอร์ ของสถานบริการเหล่านี้เท่านั้น จะเข้าไปภายในได้เฉพาะเข้าห้องน้ำ หรือสั่ง/รับอาหารเท่านั้น อีกทั้งจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้วย...
แต่ถ้าบาร์ คลับ ฯลฯ นั้นๆ ไม่มีส่วนเอาท์ดอร์ คนที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน จะเข้าไปใช้บริการไม่ได้เลย
-หลักฐานการฉีดวัคซีนแบบไหน ที่ใช้ได้?
ข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักงานสาธารณสุขของแอลเอ เคาน์ตี้ ระบุว่าสามารถใช้หลักฐานการฉีดวัคซีนได้หลายชนิด เช่น
-บัตรฉีดวัคซีนสีขาวของซีดีซี (ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค) ที่เราได้รับตอนฉีดวัคซีนเข็มแรก
-บัตรฉีดวัคซีนสีเหลืองขององค์การอนามัยโลก (WHO) ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ถือบัตรสีเหลืองจะเป็นชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนมาจากประเทศของตัวเอง
-เอกสารรับรองจากหน่วยงานทางการแพทย์ต่างๆ
-หลักฐานการฉีดฉีดจากสำนักงานทะเบียนวัคซีนรัฐแคลิฟอร์เนีย (A California Immunization Registry (CAIR2) vaccination record)
-หลักฐานการฉีดวัคซีนแบบดิจิตอล ที่ออกโดยสำนักงานสาธารณสุขของแคลิฟอร์เนีย
-หลักฐานการฉีดวัคซีนแบบดิจิตอล ที่ออกด้วยบริษัทที่ได้รับการรับรอง เช่น Healthvana, Carbon Health, CommonPass, CLEAR Health Pass หรือ VaxYes
ทั้งนี้ เราสามารถโชว์หลักฐานต่างๆ เหล่านี้ในรูปของ “ภาพถ่าย” จากมือถือได้ และเข้าใจได้ว่าหลักฐานต่างๆ ดังกล่าวนี้เป็นที่ยอมรับของเทศบาลเมืองแอลเอ ด้วยเช่นกัน
ในส่วนของธุรกิจนั้น สามารถตรวจสอบหลักการตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้ใช้บริการได้จากเว็บไซต์ http://publichealth.lacounty.gov/media/Coronavirus/docs/HOO/Proof_vaccine_card.pdf
-หากธุรกิจไม่ตรวจบัตรฉีดวัคซีนตามคำสั่งของเคาน์ตี้ จะเกิดอะไรขึ้น?
ทางสำนักงานสาธารณสุขฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ (health inspectors) ไปตรวจสอบตามบาร์ ไนท์คลับ และสถานประกอบการต่างๆ โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หากพบว่าธุรกิจไม่ตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้ใช้บริการเลย เจ้าหน้าที่จะลงบันทึกและแจ้งเตือน โดยจะแจ้งกำหนดเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเอาไว้ด้วย
เมื่อครบกำหนดที่แจ้งไว้ หากธุรกิจยังคงไม่ทำตามก็จะถูกปรับ 500 ดอลลาร์
-แอลเอ ซิตี้
ในส่วนของเทศบาลเมืองแอลเอ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่และมีประชากรมากที่สุดของแอลเอ เคาน์ตี้ นั้น สภาเมืองได้ผ่านเทศบัญญัติ (ordinance) บังคับให้ธุรกิจตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้ใช้บริการ เมื่อเกือบสองเดือนที่ผ่านมา และกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้
ความแตกต่างประการสำคัญระหว่างเทศบัญญัติและคำสั่งของเคาน์ตี้ คือ เทศบัญญัติของเมืองแอลเอ มีผลกับ “ร้านอาหาร” ทุกร้าน ขณะที่คำสั่งของเคาน์ตี้ มีผลกับสถานบันเทิงที่เน้นการเครื่องดื่มอัลกอฮอล์เป็นหลัก
ภายใต้เทศบัญญัติของเมืองแอลเอนี้ ผู้ใช้บริการที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนแบบครบโดส ก่อนเข้าไปใช้บริการภายใน (อินดอร์) ของร้านอาหาร, บาร์, ยิม, โรงภาพยนตร์, คอนแวนชั่นเซ็นเตอร์, คาร์ดรูม, พิพิธภัณฑ์, มอลล์, สนามเด็กเล่น (play areas), สปา, ซาลอน และหน่วยงานของเทศบาลทุกแห่ง
ความแตกต่างอีกประการก็คือหากมีเหตุผลในการไม่ฉีดวัคซีน เช่นมีปัญหาสุขภาพ หรือขัดต่อความเชื่อหรือหลักศาสนา ยังสามารถใช้บริการในส่วน “อินดอร์” ของธุรกิจต่างๆ ได้ เพียงแต่จะต้องแสดงหลักฐานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้าใช้บริการ
แต่หากไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธวัคซีน ธุรกิจจะอนุญาตให้ใช้บริการในส่วนเอาท์ดอร์ได้ แต่หากจะเข้าไปภายใน เช่นเข้าห้องน้ำ หรือสั่งของ/รับของ ก็ต้องใช้เวลาไม่นาน และต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วย
หากธุรกิจไม่ปฏิบัติตามเทศบัญญัติของเมืองแอลเอ จะได้รับการตักเตือนก่อนเป็นครั้งแรก หากมีซ้ำสองก็จะถูกสั่งปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากมีการฝ่าฝืนครั้งต่อๆ ไป
….
ถือเป็น “ภาระ” ที่หนักหนาเอาการอยู่สำหรับเจ้าของธุรกิจในการปฏิบัติตามคำสั่ง หรือเทศบัญญัติของส่วนการปกครองในพื้นที่ที่เราทำธุรกิจอยู่ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มงานในจังหวะที่แรงงานหายากแล้ว ยังต้องเผชิญกับ “แรงต้าน” จากกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน ซึ่งมีอยู่มหาศาลด้วย
คนพวกนี้อาจจะแค่มองด้วยสายตาเหยียด แล้วเดินจากไป หรืออาจจะมีการโวยวาย ด่าทอตามมา ขึ้นอยู่กับ “ระดับความเป็นคน” ของลูกค้าคนนั้นว่าจะสูงต่ำขนาดไหน
เราขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนในการปฏิบัติตามคำสั่งของภาครัฐ เพื่อให้วิกฤตใหญ่หลวงอันเนื่องมาจากโควิด-19 ครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด....
รูป: หลักฐานการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ ที่สามารถใช้แสดงตัวก่อนเข้าใช้บริการ "อินดอร์" ของธุรกิจต่างๆ ได้