เหตุผลที่รัฐไม่อนุญาตให้มีการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ได้อย่างเสรี ก็เพราะว่ามันจะลดประสิทธิภาพในการมองเห็นของคนขับ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ

เซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง แห่งสำนักงานตำรวจทางหลวงของแคลิฟอร์เนีย (CA Highway Patrol) ไปร่วมให้สัมภาษณ์รายการข่าวของสถานี เคทีแอลเอ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บอกว่าการติดฟิล์มกรองแสงเข้มจัด ทำให้เหมือนกับการใส่แว่นกันแดดขับรถ... “ซึ่งคุณไม่ใส่แว่นกันแดดขับรถในตอนกลางคืนใช่ไหม เพราะมันลดทัศนวิสัยของคุณจนเหลือแค่ 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

แต่กฎหมายไม่ได้ห้ามการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์โดยสิ้นเชิง

แล้วสามารถติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ได้มากน้อยแค่ไหน...

:-กระจกหน้า (Front Windshield)

กฎหมายของแคลิฟอร์เนียไม่อนุญาตให้ติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกหน้า แต่เจ้าของรถยนต์สามารถติดแถบฟิล์มกันแดดสีทึบที่กระจกหน้ารถได้ โดยแถบดังกล่าวจะต้องกว้างไม่เกิน 4 นิ้ว และติดชิดขอบกระจกหน้าด้านบนเท่านั้น

:-กระจกหลัง (Back Windshield)

กฎหมายอนุญาตให้ติดฟิล์มกรองแสงกระจกหลังได้โดยเสรี จะทึบขนาดไหนก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่ารถยนต์คันนั้นจะต้องมีกระจกด้านข้าง (side mirrors) ครบทั้งสองข้าง

:-กระจกประตูด้านหน้า (Front Side)

กฎหมายของแคลิฟอร์เนีย บอกว่ากระจกประตูหน้า ทั้งฝั่งซ้ายและขวา จะต้องมีความใส หรือ transparency ตั้งแต่ 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แปลว่าสามารถติดฟิล์มกรองแสงได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง บอกว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ที่ติดฟิล์มสีเข้มเกินกฎหมายกำหนดนั้น ไม่ใช่เป็นเจตนาของเจ้าของรถ แต่ส่วนใหญ่มาจากดีลเลอร์ ที่มักติดฟิล์มกรองแสงเอาไว้เพื่อจูงใจลูกค้า เข้าใจว่าติดฟิล์ม 30 เปอร์เซ็นต์ไม่ผิดกฎหมาย โดยลืมไปว่ากระจกรถยนต์ส่วนใหญ่ มักจะติดฟิล์มกรองแสง 30 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ออกจากโรงงานแล้ว

นั้นอาจทำให้เจ้าของรถยนต์บางคนได้รับใบสั่งตั้งแต่วันแรกที่ถอยรถป้ายแดงออกมาจากดีลเลอร์เลยทีเดียว

: กระจกประตูหลัง (back side)

เจ้าของรถยนต์สามารถติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกประตูหลังได้อย่างเสรี เพราะไม่มีผลกับทัศนวิสัยของคนขับ

:-สีของฟิล์มกันแดด

กฎหมายแคลิฟอร์เนียบอกชัดเจนถึง “สีต้องห้าม” ของฟิล์มกันแดดรถยนต์เอาไว้สามสี คือสีแดง, สีน้ำเงิน และสีอำพัน (amber)

:-ข้อยกเว้น

สำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพ และไม่สามารถถูกแดดจัดๆ ได้ เช่นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง บอกว่ากฎหมายยืดหยุ่นให้เล็กน้อย กลาวคือสามารถติดฟิล์มที่ใช้ป้องกันรังสียูวีโดยเฉพาะ ติดที่กระจกหน้าได้ และจะต้องมีความเข้มไม่เกิน 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยฟิล์มทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองนั้น แม้จะมีความใสถึง 88 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถป้องกันรังสีอันตรายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่มีข้อแม้ว่า การติดฟิล์มทางการแพทย์ชนิดนี้ จะต้องติดตั้งกับดีลเลอร์ที่มีได้รับการรับรอง (certified dealer) เท่านั้น และคนขับก็ต้องพกใบรับรองแพทย์ และใบรับประกันฟิล์มทางการแพทย์ติดตัวอยู่ตลอดเวลาด้วย

หรือหากยังไม่มีเวลาเอารถไปติดฟิล์มป้องกันรังสียูวี ผู้ป่วยที่โดนแดดไม่ได้สามารถใช้ฟิล์มกันแดดชนิดชั่วคราว (temporary shade) ที่สามารถถอด หรือลอกเก็บได้ในเวลากลางคืนได้ แต่จะต้องมีใบรับรองแพทย์ติดตัวอยู่ตลอดเวลาด้วย โดย เซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง บอกว่าหากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหยุด และไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ผู้ขับจะต้องเอาฟิล์มลงทันที และหากเอาลงไม่ได้ (ติดตั้งถาวร) ก็อาจจะได้ใบสั่งกลับไป

:-รถยนต์จากต่างรัฐ

กฎหมายควบคุมฟิล์มกันแดดรถยนต์ของแต่ละรัฐ มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน โดยเซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง บอกว่า แคลิฟอร์เนียไม่มีอำนาจในการเอาผิด แม้รถยนต์คันนั้นจะติดฟิล์มกระจกหน้าทึบขนาดไหนก็ตาม

:-บทลงโทษ

เซอร์เจนท์ ไบรอัน เพนนิ่ง บอกถึงบทลงโทษผู้ทำผิดกฎหมายฟิล์มกันแดดของแคลิฟอร์เนียว่าจะเริ่มที่การตักเตือน (ให้ไปลอกฟิล์มกันแดด) แบบที่เรียกว่า fix-it ticket และหากถูกเรียกครั้งที่สอง ความผิดอาจอยู่ในระดับลหุโทษ หรือ misdermeanor ได้ หมายถึงนอกจากจะต้องเสียค่าปรับแล้ว ยังอาจต้องขึ้นโรงขึ้นศาล มีผลกับประวัติการขับรถด้วย

“และในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้น รถยนต์ที่ติดฟิล์มกรองแสงผิดกฎหมาย อาจจะต้องรับผิดชอบมากขึ้นกว่าปกติด้วย” นายตำรวจจากสำนักงานตำรวจทางหลวงของแคลิฟอร์เนีย กล่าว.