แน่นอนว่าการหมุนเวลากลับ แบบที่เรียกว่า daylight saving time คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราเสียเวลากลางวันไปหนึ่งชั่วโมงในช่วงหน้าหนาว
อย่างที่หลายคนทราบกันว่าโลกเรานั้นเอียง หรือ tilt ไปด้านข้าง ทำให้ช่วงหน้าร้อน จุดที่เรายืนอยู่บนโลกถูกหมุนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าช่วงหน้าหนาว เราจึงมีเวลา “เอ็นจอย” แสงอาทิตย์ในช่วงหน้าร้อนนานกว่าหน้าหนาว
แต่ที่น้อยคนจะทราบคือว่าเรากำลังเข้าใกล้ “วันที่สั้นที่สุดของปี” เข้าไปทุกขณะ โดยวันที่มีกลางวันสั้นที่สุดของปี 2023 นี้จะแตกต่างกันในแต่ละเมือง ขึ้นอยู่กับว่าเมืองนั้นๆ ตั้งอยู่บริเวณไหนของโลก
โดยเว็บไซต์ของ โนอา (NOAA) หรือองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ได้ทำตารางเวลาพระอาทิตย์ตกดินของแต่ละเมืองเอาไว้ชัดเจน
อย่างลอส แอนเจลิส ข้อมูลบอกว่าวันที่กลางวันสั้นสุดจะอยูระหว่างวันที่ 2 - 7 ธันวาคม ที่พระอาทิตย์จะรีบตกดินตั้งแต่เวลา 16.44 น. แต่ในวันที่ 8 ธันวาคม เวลาที่พระอาทิตย์ตกจะขยับเป็น 16.44 น. และจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนเป็นปกติหลังจากนั้นไม่นาน
ในชิคาโก้ ซึ่งพระอาทิตย์ตกก่อน 16.30 น. มาตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนนั้น ข้อมูลบอกว่าพระอาทิตย์จะตกเร็วขึ้น คือลับขอบฟ้าตั้งแต่เวลา 16.19 น. ในช่วงวันที่ 2 และ 3 ธันวาคม และหลังจากนั้นก็จะเริ่มตกช้าลงหลังจากนั้น
ซานฟรานซิสโก พระอาทิตย์จะตกเร็วท่ีสุดระหว่าง 29 พฤศจิกายน ถึง 14 ธันวาคม คือตกตั้งแต่เวลา 16.51 น. ส่วน ลาสเวกัส นั้น วันที่พระอาทิตย์ตกเร็วที่สุดของปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน จนถึง 12 ธันวาคม ช่วงนี้พระอาทิตย์จะตกตั้งแต่เวลา 16.26 น. และหลังจากนั้นก็จะเริ่มตกช้าลงๆ
หากคุณผู้อ่านอยากจะทราบว่าวันและเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินเร็วที่สุด ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับคืนสู่สภาพปกติ สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ โนอา ที่ https://gml.noaa.gov/grad/solcalc/
โดย: ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส