เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2023 สตาร์บัคส์ เชนกาแฟยักษ์ใหญ่ของโลก แถลงถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายสำหรับร้านสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของทั่วอเมริกาเหนือเสียใหม่ จากเดิมที่เคยใช้นโยบาย “ต้อนรับทุกคนเข้าร้าน” มาเป็นการต้อนรับเฉพาะลูกค้าเท่านั้น โดยจะมีผลทั้งการนั่งเล่น ในและนอกร้าน รวมถึงการใช้ห้องน้ำด้วย

นอกจากห้ามบุคคลที่ไม่ใช้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้ว หลักปฏิบัติที่เหลือของสตาร์บัคส์ ยังคงเหมือนเดิม คือห้ามพฤติกรรมเลือกปฏิบัติ ข่มขู่คุกคาม ดื่มฮัลกอฮอล์ที่นำมาจากนอกร้าน สูบบุหรี่หรือไวปิ้ง ห้ามใช้ยาเสพติดและขอทาน เหมือนเดิม

โดยโฆษกของสตาร์บัคส์ บอกว่า หลักปฏิบัติใหม่ ซึ่งได้แจ้งไปยังสตาร์บัคส์ทุกสาขาในภูมิภาคอเมริกาเหนือแล้วนั้น เขียนขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีขึ้น และเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากลที่ธุรกิจทั่วไปใช้ปฏิบัติกันอยู่แล้ว

สำหรับบุคคลที่เข้ามาใช้สถานที่ของทางร้านโดยไม่ซื้อสินค้านั้น จะได้รับการเตือนให้ออกจากร้าน หรืออาจโทรเรียกผู้รักษากฎหมาย หากจำเป็น โดยพนักงานของสตาร์บัคส์ทุกสาขา จะต้องผ่านการฝึกอบรมให้เข้าใจนโบายใหม่นี้ด้วย

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ ได้ประกาศใช้นโยบายที่เรียกว่า open-door policy หรือต้อนรับทุกคนมาตั้งแต่ปี 2018 หลังจากที่ภาพพจน์ของทางร้านถูกทำลายยับเยินจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฟิลาเดลเฟีย เมื่อพนักงานได้ไล่ชายผิวดำสองคนที่มาคุยธุรกิจกันที่โต๊ะนอกร้าน โดยไม่ซื้อสินค้า ซึ่งเหตุการณ์ลุกลามจนทางร้านต้องเรียกตำรวจและมีการจับกุมชายผิวดำทั้งสอง ซึ่งเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จึงสร้างความเสียหายในเชิงภาพลักษณ์ใหญ่หลวงให้กับสตาร์บัคส์

อย่างไรก็ตาม นโยบายเปิดประตู้ต้อนรับทุกคน ทำให้สตาร์บัคส์ หลายสาขาประสบปัญหาใหญ่ เพราะไม่สามารถห้าม หรือไล่บุคคลที่มาก่อความวุ่นวาย เข้ามาใช้ยาเสพติดในห้องน้ำ หรือมีพฤติกรรมเป็นอันตรายกับพนักงานและลูกค้าในร้านได้ ถึงขั้นประกาศปิดสาขาถึง 16 แห่งในหลายเมือง รวมถึง 6 สาขาในลอส แอนเจลิส และ 6 สาขาในซีแอตเติล โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับพนักงานและลูกค้าจากกลุ่มบุคคลที่เข้ามาก่อปัญหาในร้านได้

โดยหนึ่งในร้านสตาร์บัคส์ ที่ถูกปิดในครั้งนั้น คือสาขาในย่านไทยทาวน์ (ฮอลลีวูดตัดกับเวสเทิร์น) ซึ่งเคยเป็นย่านที่พลุกพล่านไปด้วยโฮมเลส คลิกอ่านข่าวที่นี่ และ ที่นี่ (อำลาอาลัยสตาร์บัคส์ ไทยทาวน์)

ข่าวบอกว่า การปรับนโยบายครั้งล่าสุดของสตาร์บัคส์ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธเพิ่มยอดขายของ ไบรอัน นิคโคล แชร์แมนและซีอีโอ คนใหม่ของสตาร์บัคส์ โดยก่อนหน้านี้ นิคโคล เคยบอกว่า เขาอยากจะสร้างภาพลักษณ์ “ร้านกาแฟของชุมชน” หรือ community coffeehouse ที่สตาร์บัคส์ เคยมี ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคไดร์ฟทรูที่รถยนต์ต่อคิวยาว หรือการสั่งซื้อผ่านแอพพิเคชั่นแล้วต้องไปรอออร์เดอร์ยาวเหยียด และประเด็นอื่นๆ ที่ทำให้การเดินเข้าร้านสตาร์บัคส์ เป็นเรื่องวุ่นวายมากขึ้น

“หากทำให้บรรยากาศในร้านอบอุ่น ไม่วุ่นวาย ใช้เวลาน้อยลง ลูกค้าก็จะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น” ซีอีโอของสตาร์บัคส์ กล่าว.