เริ่มตั้งกำแพงภาษี "แคนาดา-แม็กซิโก-จีน" แล้ว
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : ทรัมป์ยืนยันเริ่มเก็บภาษีสินค้าจากแม็กซิโกและแคนาดา 25 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มีนาคมนี้ ยันไม่เลื่อนแม้จะเกิดกระแสหวาดกลัวว่ามาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์จะทำให้เกิดเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงัน
เอพี รายงานเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2025 ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะเริ่มจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแม็กซิโกและแคนาดา 25 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป โดยจะไม่เลื่อนอีกแล้ว
“วันพรุ่งนี้ การจัดเก็บภาษี 25 เปอร์เซ็นต์กับสินค้าของแคนาดาและแม็กซิโก จะเริ่มต้นขึ้น” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 2 มีนาคม
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์เคยบอกว่า มาตรการกำแพงภาษีดังกล่าว คือการบังคับให้เพื่อนบ้านทั้งสองประเทศ เอาจริงกับการปราบปรามปัญหายาเฟนตานีล (fentanyl) ข้ามแดน และปัญหาการลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเคยบอกว่ามาตรการกำแพงภาษีอังกล่าว จะช่วยลดปัญหาการขาดดุลการค้าของอเมริกา อีกทั้งเป็นการบีบบังคับให้ธุรกิจต่างชาติ ย้ายมาสร้างโรงงานในอเมริกามากขึ้น
ข่าวบอกว่าคำกล่าวของทรัมป์ดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาปั่นป่วนทันที โดยดัชนีหุ้น S&P 500 ร่วง 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเย็นวันจันทร์ เหมือนเป็นสัญญาณความเสี่ยงทางเศรษฐกิจว่ามาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ จะทำให้สภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงของการสิ้นสุดสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอเมริกากับแคนาดาและแม็กซิโก ที่ยืนยาวมานานหลายทศวรรษด้วย
บรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าภาษีต่อแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งครอบคลุมมูลค่าการนำเข้าของสหรัฐฯ ปีละกว่า 900,00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาเหนืออย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลัทนิค กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่ามาตรการจัดเก็บภาษีของทรัมป์ ตะช่วยกระตุ้นโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ และดึงดูดชาวต่างชาติให้ลงทุนในประเทศมากขึ้น รวมถึงบอกว่าบริษัท TSMC ผู้ผลิตไมโครชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของไตหวัน ได้ขยายการลงทุนในประเทศแแล้ว เพื่อเลี่ยงภาษีการค้า 25 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมป์บอกว่าจะจัดเก็บภาษีสินค้าของจีน 10 เปอร์เซ็นต์ แต่การให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ เขาบอกว่าจะ “ดับเบิล” ภาษีสินค้าจีนเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มีนาคม เช่นกัน
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา กล่าวเมื่อเย็นวันจันทร์ว่า แคนาดาจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน หากมาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์มีผลบังคับใช้ และเรียกร้องให้ทำเนียบขาวพิจารณาใหม่
โดยมาตรการตอบโต้ของแคนาดา จะมีผลกับสินค้าอเมริกันมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา ในเวลาเดียวกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คือในวันอังคาร และสินค้านำเข้าจากอเมริกาอีก 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดาที่เหลือ จะมีผลบังคับใช้ในอีก 21 วัน
นายกรัฐมนตรีทรูโด กล่าวด้วยว่า “มาตรการขึ้นภาษีของเราจะยังมีผลบังคับใช้ต่อไปจนกว่าการดำเนินการทางการค้าของสหรัฐฯ จะสิ้นสุดลง และหากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังไม่ยุติลง เราจะหารืออย่างจริงจังกับจังหวัดและเขตปกครองต่างๆ เพื่อดำเนินมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าต่างๆ"
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษีศุลกากรทันที โดยอ้างว่า "ไม่สมเหตุสมผลและไร้เหตุผล เป็นอันตรายต่อผู้อื่น” อีกทั้งยืนยันว่าจะตอบโต้การตัดสินใจของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง
"จีนกล่าวย้ำหลายครั้งว่ามาตรการภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกและบ่อนทำลายระบบการค้าพหุภาคี มาตรการดังกล่าวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของสหรัฐฯ ได้ แต่จะส่งผลเสียต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และขัดขวางการค้าระหว่างประเทศตามปกติ”
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ของรัฐบาลจีน ระบุว่า มาตรการตอบโต้ของจีนน่าจะมุ่งเป้าไปที่ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารของสหรัฐฯ และจะตอบโต้ด้วยมาตรการทั้งภาษีศุลกากรและมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส