บทความ : เมื่อทรัมป์มา “แบล็คไลฟ์” ก็ไม่ “แมทเทอร์” อีกต่อไป
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025 สำนักข่าวเอพี รายงานว่าเมืองวอชิงตัน ดีซี จะลบคำว่า Black Live Matter ที่วาดเต็มถนนบริเวณใกล้ๆ กับทำเนียบขาวทิ้ง ตามคำสั่งของนายกเทศมนตรี นางมูเรียล บาวเซอร์
โดย: ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส
การลบคำว่า แบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ เห็นชัดว่าเป็นการโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสภาคองเกรส ซึ่งถือเสียงข้างมากโดยรีพับลิกันอยู่ในขณะนี้
และน่าจะเป็นการสิ้นสุดยุคของการให้ความสำคัญแบบสุดโต่งกับคนผิวดำ ที่เป็นเหมือนความชอบธรรม (จากจิตใต้สำนึก) ของอเมริกันผิวขาว จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนอเมริกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นายกฯ บาวเซอร์ โพสต์ผ่าน X เมื่อวันอังคารที่ 4 เมษายน ว่า “ภาพศิลปะชิ้นดังกล่าว เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้าน และช่วยให้เมืองของเราผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดมาได้ แต่ขณะนี้ เราไม่สามารถเสียเวลากับการแทรกแซงที่ไร้สาระของสภาคองเกรสได้ เพราะผลกระทบอันรุนแรงจากการหั่นตำแหน่งงานของรัฐบาลกลาง จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องที่เรากังวลเป็นอันดับแรก”
จะว่าไป กระแส “แบล็คไลฟ์ แมทเทอร์” ที่เชี่ยวกรากรุนแรงในช่วงที่ผ่านมานั้น มีศูนย์กลางที่กรุงวอชิงตัน ดีซี แห่งนี้ เพราะหลังเกิดเหตุสลดกับ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกฆ่าอย่างทารุณโดยตำรวจผิวขาวที่มินิอาโปลิส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 จนทำให้เกิดการลุกฮือของคนผิวดำ (และกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ) ทั่วประเทศ ได้ไม่นาน นายกฯ บาวเซอร์ ซึ่งเป็นเดโมแครต ได้สั่งให้มีการเพนท์คำ แบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ ขนาดยักษ์บนถนน 16 นอร์ธเวสท์ ซึ่งเป็นย่านดาวน์ทาวน์ของดีซี โดยอักษรสีเหลืองแต่ละตัวสูงถึง 50 ฟุต จากนั้นได้สั่งสถาปนาบริเวณนั้นถึงสองช่วงถนน เป็น “แบล็ค ไลฟ์ แมทเทอร์ พลาซ่า” ด้วย
ถึงจะออกตัวว่าเข้าข้างกระแสแบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ แบบเต็มตัว แต่นางบาวเซอร์ ก็บ่นให้สาธารณะได้ยินมากกว่าหนึ่งครั้งว่า เธอไม่ได้เครดิตจากองค์กรผิวดำในท้องที่เท่าที่ควร เพราะถูกว่าสิ่งที่เธอทำเป็นแค่ performative wokeness หรือแค่ “การแสดง” ว่าตัวเองตาสว่าง/ตื่นรู้ ไม่ได้ออกมาจากใจจริง แถมยังยัดเยียดข้อหาว่าเธอเข้าข้างตำรวจไปเสียอีก
ไม่ว่าจะทุ่มเทแบบจริงใจหรือเป็นแค่ “การแสดง” ก็ตาม แต่ท่าทีสนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมของคนผิวดำดังกล่าว ทำให้นายกฯ หญิงเมืองดีซี ต้องเผชิญหน้าและกลายเป็นเป้าโจมตีของประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะอยู่ในตำแหน่งสมัยแรกแบบเลี่ยงไม่ได้
ทรัมป์เคยโจมตีนายกฯ มูเรียล บาวเซอร์ ว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองของตนเอง ขู่ว่าจะใช้อำนาจประธานาธิบดีเข้าควบคุมสำนักงานตำรวจเมโทรโพลิแตนท์ ของดีซี เพื่อปราบปรามการลุกฮือของคนผิวดำเสียเองด้วย
ถึงจะไม่สามารถสั่งการให้ตำรวจของ ดีซี ออกสลายการชุมนุมแบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ ได้อย่างใจคิด แต่ทรัมป์ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ ออกบินระดับต่ำเหนือฝูงผู้ชุมนุม เพื่อ “ข่มขวัญ” ด้วย
การกลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ พร้อมกับแรงสนับสนุนท่วมท้น ทั้งจากประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งและจากรัฐสภา ที่ฝั่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา กลายเป็นแรงกดดันให้คนที่เคยวางตัวเป็น “ฝ่ายค้าน” ของเขาเมื่อคราวที่แล้ว ต้องหนาวๆ ร้อนๆ
รวมถึงนายกฯ มูเรียล บาวเซอร์ ด้วย เพราะเธอคือหนึ่งในบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับบริหารที่ไปร่วมยินดีกับทรัมป์หลังชนะการเลือกตั้งที่ มาร์อาลาโก้ รีสอร์ทส่วนตัวของทรัมป์ในปาล์มบีช ฟลอริด้า เสร็จแล้วยังออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่เธอเห็นดีเห็นงามกับนโยบายของทรัมป์ เช่นการยกเลิกระบบ เวิร์คฟอร์มโฮม ของเจ้าหน้าที่ในสังกัดรัฐบาลกลาง เป็นต้น
แต่ดูเหมือนสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับนายกฯ เมืองดีซี จะไม่ดีขึ้น เพราะทรัมป์ยังคงพูดถึงไอเดียที่จะให้รัฐบาลกลาง เข้า “เทคโอเวอร์” เมืองวอชิงตัน ดีซี ในฐานะเป็นเมืองหลวงของประเทศ ให้เหตุผลว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม กราฟฟิตี้ และโฮมเลส ซึ่งดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับทุกเมืองที่ผู้บริหารเป็นเดโมแครต ในระยะกว่าสิบปีที่ผ่านมา
อาทิตย์ที่แล้ว มูเรียล บาวเซอร์ เลี่ยงที่จะแตะต้องทรัมป์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่ทรัมป์บอกว่าจะเทคโอเวอร์ วอชิงตัน ดีซี โดยจะลงนามใช้อำนาจฝ่ายบริหาร อันเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จที่เขาใช้มาแล้วถึง 76 ครั้ง นับจากผ่านพิธีสาบานตัว โดยบาวเซอร์ บอกว่าความคุกคามต่อระบบปกครองตัวเองของดีซี น่าจะมาจากคนในคองเกรส มากกว่า
เมื่อเราไปค้นข้อมูลก็พบว่า เรื่องที่นางบาวเซอร์กำลังกังวลไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะนอกจากทรัมป์ พร้อมจะลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อยึดอำนาจปกครองตัวเองของดีซีแล้ว ข่าวว่ารีพับลิกันในคองเกรส กำลังพิจารณาร่างกฎหมาย ที่เรียกกันว่า เดอะบาวเซอร์ แอ๊ค (The Bowser Act.) ว่าด้วยการเพิกถอนกฎหมายการปกครองท้องถิ่น (the Home Rule Act of 1973) เพื่อจำกัดสิทธิในการปกครองตัวเอง ของกรุงวอชิงตัน ดีซี ด้วย
โดยเฉพาะในสภาล่าง ซึ่งรีพับลิกันมีเสียงมากกว่าเดโมแครตเพียงแค่สามเสียงนั้น ข่าวบอกว่ามีการเสนอประเด็นเล่นงานคณะบริหารของเมืองวอชิงตัน ดีซี กันสนุกสนาน ตั้งแต่ภาพวาดแบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ ขนาดยักษ์ กับแบล็ค ไลฟ์ แมทเทอร์ พลาซ่า, ประเด็นกัญชาถูกกฎหมาย เรื่อยไปจนถึงประเด็นห้ามเลี้ยวขวาขณะไฟแดง ฯลฯ (ดีซี เพิ่งบังคับใช้กฎหมายห้ามเลี้ยวขวาขณะไฟแดงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา)
ข่าวบอกด้วยว่าการเลย์ออฟพนักงานรัฐบาลกลางตามนโยบายบายของทรัมป์ เริ่มส่งผลกระทบทางการเงินกับกรุงวอชิงตัน ดีซี แล้ว โดยหัวหน้าฝ่ายการเงินของกรุงวอชิงตัน ดีซี ออกรายงานมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หากปล่อยให้มีการเลย์ออฟเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางในดีซี “หลายพันคน” ตามที่ทรัมป์ขู่ ดีซีอาจมีปัญหางบประมาณไม่พอ (budget shortfall) ถึงกว่า 1 พันล้านเหรียญในช่วงสามปีข้างหน้า
พูดง่ายๆ ก็คือว่าปัญหาเฉพาะหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองดีซี กำลังเผชิญกับรัฐบาลทรัมป์อยู่ในเวลานี้ ค่อนข้างสาหัสสากรรจ์ อย่าว่าแต่การสนับสนุน แบล็คไลฟ์ แมทเทอร์ ต่อไปเลย เอาแค่เก้าอี้บริหารที่ตัวเองนั่งมาตั้งแต่ปี 2015 ก็ยังไม่รู้ว่าจะรักษาเอาไว้ได้อีกกี่วัน.
มูเรียล บาวเซอร์
|
|
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส