คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
พิจารณาขันธ์ 5 เป็นวิปัสสนาญาณ
อันนี้ไม่มีอะไรพิศดาร ท่านสอนให้พิจารณาว่า ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 ไม่มีในเรา โดยให้พิจารณาเป็นปกติ เมื่อเห็นว่าขันธ์ 5 ป่วยก็รักษา เพื่อให้ทรงอยู่ แต่เมื่อมันจะพังก็ไม่ตกใจ หรือมันเริ่มป่วยไข้ ก็คิดว่า ธรรมดามันต้องเป็นอย่างนี้ เราจะรักษาเพื่อให้ทรงอยู่ ถ้าทรงอยู่ได้ ก็จะอาศัยเพื่องานกุศลต่อไปถ้าเอาไว้ไม่ได้ มันจะผุพังก็ไม่มีอะไรหนักใจ ความทุกข์จะเกิดแก่ตัวเองหรือใคร อะไรก็ตามไม่ผูกจิตติดใจอย่างนี้ จนกระทั่งบรรลุอรหัตตผล ตามนัยที่ท่านพระสารีบุตรกล่าวไว้ใน ขันธวรรคแห่งพระไตรปิฎก
(จบวิปัสสนาญาณโดยย่อเพียงเท่านี้)
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ หลวงพ่อปานได้เรียนมาจากครูผึ้ง อายุ 99 ปี เป็นคาถาให้คุณทางลาภผล และเป็นฌานสมาบัติ มีคุณเป็นทิพยจักษุญาณด้วย และยกฐานะของผู้ปฏิบัติไม่ให้ขัดสนยากจนด้วย ศิษย์ของหลวงพ่อปานได้ฝึกคาถานี้ มีฐานะมั่นคงหลายสิบอย่าง ที่รู้จักกันมากก็คือ นายประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน จังหวัดพระนคร เคยสนทนากับนายประยงค์ ท่านนายห้างบอกถึงวิธีปฏิบัติเกิดผลมหาศาล ท่านเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้
ปฏิปทาของนายประยงค์
1. ทุกเช้าเย็น ท่านสวดมนต์และว่าคาถานี้ต่อหน้าพระพุทธรูปคราวละ 9 จบทุกเช้าเย็น
2. เมื่อสวดคาถานี้แล้ว ท่านนั่งภาวนาคาถานี้จนสบายใจทุกวัน คือตั้งเวลาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำจนจิตเป็นสมาธิ พอสบายใจแล้วก็ไปทำงานตอนเช้า หรือพักผ่อนในตอนค่ำ
3. ใส่บาตรทุกเช้า ก่อนใส่บาตรท่านว่าคาถานี้ 9 จบ ก่อนใส่บาตร ถ้าวันใดไม่มีพระมาบิณฑบาต ท่านใช้เก็บเงินไว้แทนการใส่บาตร ตามแบบที่หลวงพ่อปานสอน ท่านให้เก็บข้าวสารหรือเงินก็ได้เอาไว้แทนการใส่บาตร ก่อนเก็บว่าคาถานี้ 9 จบ เหมือนก่อนใส่บาตรวันต่อไปให้เอาไปถวายพระเป็นค่าภัตตาหาร
4. ก่อนเอาเงินเก็บตอนเย็น หรือก่อนเอาเงินออกใช้ตอนเช้า ท่านว่าคาถานี้ 9 จบ คือขณะที่เก็บเงินนั้น ให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วว่าคาถา 9 จบ จึงเอาเงินเก็บในที่เก็บตอนเช้าก่อนเอาเงินออกใช้ เมื่อจับเงินแล้ว ยังไม่นำออก ว่าคาถานี้ 9 จบ แล้วนำเงินออก ท่านบอกว่า ท่านทำอย่างนี้เป็นปกติ จนกลายเป็นคนมีเงินมีทองมากมาย ทำบุญด้วยจำนวนเงินหลายสิบล้าน หายากนักที่จะมีผู้ศรัทธาเสมอท่าน คาถานี้ว่าดังนี้
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ (บทนี้ว่าเที่ยวเดียว)
วิระธะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานี มามะ พุทธัสสะ สวาโหม ฯ
(คาถานี้มีเพียงเท่านี้)
เมฆจิต ของท่านอาจารย์เกษม
เมฆจิต หรือ ทิพยจักษุญาณของท่านอาจารย์เกษมนี้ เป็นแบบปฏิบัติที่ให้ผลง่ายๆ มีมากรายที่ฝึกตามแบบนี้แล้วได้รับผลเบื้องต้นภายใน 7 วัน บ้าง 15 วันบ้าง แต่ที่ไม่ได้เรื่องก็ไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่แก่ความฉลาดและความกล้าของแต่ละบุคคล ที่ท่านทำได้ง่ายๆ นั้น ท่านเหล่านั้นเล่าให้ฟังว่า ท่านทำดังนี้
ท่านเริ่มทำสมาธิด้วยการกำหนดนิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น รูปพระพุทธเป็นต้น แล้วภาวนาคาถาบริกรรมไปด้วย กำหนดรูปด้วย วันหนึ่ง หรือคราวหนึ่ง ท่านไม่เอามาก ใช้เวลาคราวละ 5 นาที บังคับว่าคาถาให้ครบถ้วน พร้อมด้วยกำหนดให้เห็นรูปไปด้วย ถ้าจิตพลาดนิดหนึ่งท่านตั้งต้นเวลาใหม่ ท่านทำอย่างนี้เพื่อบังคับอารมณ์ตนเอง เพื่อไม่ให้จิตส่ายไปในอารมณ์ภายนอกแล้วทดลองความรู้จากอารมณ์ คือ กำหนดรู้ทางใจ โดยกำหนดรู้เรื่องราวต่างๆ ตามที่จะหาได้ เช่น เห็นรถแล่นมาแต่ไกลก็กำหนดจิตเพื่อรู้ว่า คนในรถมีกี่คน เป็นชายเท่าไร หญิงเท่าไร แล้วเชื่ออารมณ์ที่รู้อารมณ์แรกโดยจิตคิดว่า มีคนกี่คน หญิงกี่คน ชายกี่คน ก็เชื่อตามอารมณ์แรก ความรู้นั้นจะถูกต้องตามความเป็นจริงเสมอเป็นวิชชาฝึกทิพยจักษุญาณระยะต้นดีมาก คาถาภาวนาว่าดังต่อไปนี้
คาถาเมฆจิต
พุทธัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง มะอะอุ
ธัมมัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อุอะมะ
สังฆัง เมฆะนิมิตต์ จิตตัง อะมะอุ
(คาถาของท่านมีเท่านี้)
ข้อมูลจาก “คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน” โดย พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน) ติดต่อทางวัดได้ที่ www.watthasung.com หรือวัดจันทาราม (ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี 61000 โทร. (056) 502–506