พล.ท.วีรชนกล่าวว่า สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะรักษาความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนการเยือน และกลไกความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ การศึกษา การฝึก การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ให้ใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐ ที่รักษาความต่อเนื่องของการพัฒนาบุคลากรและการฝึกร่วม โดยเฉพาะโครงการฝึกร่วม Cobra Gold ซึ่งเป็นการฝึกร่วมพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ-ในภูมิภาคเอเชีย มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาค การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ รวมทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ยินดีที่ไทยจะได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้า และเป็นประธานร่วมกับสหรัฐ Esperts’ Working Group on Maritime Security ระหว่างปี 2563-2565 ภายใต้กรอบ ASEAN Defense Minister’s Meeting Plus (ADMM Plus) หวังว่าทั้งสองประเทศจะได้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลกับประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
พล.ท.วีรชนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยต่างเห็นพ้องว่ากลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติและลัทธิสุดโต่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญของโลก ความร่วมมือระหว่างมิตรประเทศเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านข่าวกรองและการต่อต้านการก่อการร้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง จึงหวังว่าสหรัฐจะสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของหน่วยงานไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนไทยในด้านดังกล่าว.