เหตุสลดใจของคนไทยในอเมริกาครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2019 ในห้องครัวของร้านอาหาร ไทยสไปซี่ (Thai Spice) ซึ่งตั้งอยู่ในช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ บนถนน อีสท์ แวลเล่ย์วิว ปาร์คเวย์ ในเมืองอินดีเพนเดนท์ รัฐมิสซูรี่ โดยขณะเกิดเหตุนั้น ร้านอาหารไทยสไปซี่ยังเปิดบริการ และมีลูกค้าจำนวนหนึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านด้วย
ข่าวบอกว่าผู้ลงมือก่อเหตุ เป็นชายไทยวัย 25 ปีชื่อนายพรเทพ พลเจริญ (Porntrep Phonjaroen) ชาวเมืองลีซัมมิท รัฐมิสซูรี่ ซึ่งเป็นพนักงานในร้าน ใช้อาวุธปืน .380 คาลิเบอร์ ยิง วาสินี แสนกรา (Vasinee Sankra) วัย 23 ปี ชาวเมืองบลูสปริงส์ รัฐมิสซูรี่ ซึ่งข่าวบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นญาติกับเขาด้วย โดยเป็นการจ่อยิงที่ศีรษะหนึ่งนัด ทำให้เหยื่อกระสุนเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุทันที โดยข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงร้านอาหารไทยสไปซี่ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.
โดยในเบื้องต้น หนุ่มไทยถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับสอง พร้อมด้วยข้อหาอาญาของรัฐมิสซูรี ที่เรียกว่า armed criminal action ซึ่งเป็นข้อหาที่รัฐมิสซูรีใช้เอาผิดกับผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับอาวุธร้ายแรงทุกคน เป็นข้อหาที่มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่าสามปี
ลูกค้าของร้านไทยสไปซี่รายหนึ่ง ซึ่งกำลังรับประทานอาหารที่โต๊ะใกล้ทางเดินเข้าครัว ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธอได้ยินเสียงปืนหนึ่งนัด ก่อนจะเห็นผู้หญิงล้มลงที่พื้นครัว และว่ามีผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคนพยายามจะช่วยชีวิตของเธอ แต่ปราศจากผลสำเร็จ เพราะเหยื่อกระสุนเสียชีวิตทันที
พยานคนดังกล่าวให้การต่อไปว่า ลูกค้าในร้านถามพนักงานหลายครั้งว่าใครเป็นคนลงมือ ก่อนที่ชายเอเชียคนหนึ่ง จะตอบว่า “ผมทำเอง” (I did it) ซึ่งพยานคนนี้เป็นผู้ชี้ตัว นายพรเทพ พลเจริญ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา
ข่าวรายงานถึงผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุในเบื้องต้นของตำรวจ ที่ระบุว่าผู้ตายถูกยิงที่ศีรษะ มีปลอกกระสุน .380 คาลิเบอร์หนึ่งปลอกตกอยู่ใกล้ร่างของผู้ตายที่นอนจมกองเลือดบนพื้นครัว
โดยตำรวจได้รับความร่วมมือจากเจ้าของร้านสไปซี่ไทย อนุญาตให้ตรวจค้นภายในร้าน และนำเอาเทปบันทึกภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิดในร้านไปตรวจสอบด้วย ซึ่งผลจากการตรวจสอบเทปบันทึกภาพดังกล่าว พบว่านายพรเทพ เอาปืนออกมาจากถุงที่วางอยู่ในครัว และเดินเข้ามาจ่อยิงใส่ผู้ตายทันที โดยไม่มีการเตือนหรือพูดคุยใดๆ กันทั้งสิ้น
จากการสอบปากคำผ่านล่าม นายพรเทพ พลเจริญ ให้การยอมรับว่าเขาเป็นผู้ลงมือยิงเหยื่อเอง โดยให้เหตุผลว่าเขาโกรธ และไม่พอใจพฤติกรรมบางอย่างของเพื่อนร่วมงานคนนี้ อีกทั้งบอกว่าเขามีเจตนาจะยิงขู่เพื่อให้เพื่อนร่วมงานกลัวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าให้ตายแต่อย่างใด
มือปืนหนุ่มไทยให้การต่อไปว่า หลังจากก่อเหตุสยองแล้ว เขาได้เอาปืนไปโยนทิ้งในป่าหลังร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจพบในเวลาต่อมา
ข่าวบอกด้วยว่า จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน ผู้ต้องหารายนี้ยังไม่มีทนายความมาดูแลคดีให้ และว่าอัยการเจ้าของคดี ร้องศาลให้ตั้งค่าประกันตัวนายพรเทพ พลเจริญ เป็นเงินสด มูลค่า 200,000 ดอลลาร์
ข่าวบอกว่าเหตุการณ์ร้านในร้านไทยสไปซี่ครั้งนี้ ถือเป็นคดีฆาตกรรมรายที่สิบของเมืองอินดีเพนเด้นท์ ถือว่าน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2018 อยู่หนึ่งคดี.
.
.