ข่าวคนไทยในอเมริกา
จับ’ครอบครัวหัวร้อน’นิวยอร์ก รุมทำร้ายเชฟรุ้ง-ฆ่าแมว’พอนสุ’


เชฟรุ้ง และ "ลูกๆ"




พอนสุ และนกแก้วเล็ก "แมงโก้"




ภาพเหตุการณ์ขณะเชฟรุ้งถูกรุมทำร้าย







แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : โซเชียลมีเดียแสดงฤทธิ์ ตำรวจนิวยอร์ก จับ “เอเวอร์ลีน เซอร์ราโน่” หนึ่งในครอบครัวหัวร้อนรุมทำร้าย “เชฟรุ้ง” สุชานันท์ อักษรนันท์ แล้ว หลังไม่ให้ความสนใจคดีนานกว่าสองสัปดาห์ ชวนจับตาคนร้ายที่เหลือ รวมถึงคนร้ายชายที่ชกแฟนของเชฟรุ้งจนจมูกหัก ว่าจะถูกจับดำเนินคดีหรือไม่

เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 22 เมษายน 2020 สำนักงานตำรวจของนครนิวยอร์ก (เอ็นวายพีดี) ได้แถลงข่าวว่าในช่วงเช้าของวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม เอเวอลีน เซอร์ราโน่ สตรีเชื้อสายเปอร์โตริโก้ วัย 42 ปี ชาวเมืองกรีนพอยท์ พร้อมตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย (assault) คุณ สุชานันท์ อักษรนันท์ หรือเชฟรุ้ง เจ้าของร้านอาหาร เบาเบิร์ค (Baoburg) ในบรูคลีน นิวยอร์ก ซึ่งเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน หรือกว่าสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้น



โดยก่อนจะมีการจับกุมผู้ต้องหารายนี้นั้น เชฟรุ้งได้โพสต์ข้อความพร้อมวิดีโอเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย ที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะแม็คคาร์เรน บอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์รายการเก้าอี้รับแขกของสยามทาวน์ยูเอส ถึงท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่ใส่ใจคดี มีการเปลี่ยนตัวตำรวจนักสืบ (ดีเทคทีฟ) ถึงสามคนโดยไม่มีการแจ้งให้เธอทราบ เป็นเหตุให้เธอต้องให้การข้อมูลใหม่ทุกครั้ง ดีเทคทีฟบางคนยังแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร มีการข่มขู่ว่าเชฟไทยและครอบครัวอาจได้รับอันตรายจากครอบครัวของผู้ต้องหา ซึ่งประกาศตัวว่าเป็นสมาชิกแก๊ง อีกทั้งพยายามพลิกคดีว่าเชฟคนไทยคือผู้ผิดและลงมือทำร้ายคู่กรณีก่อน ทั้งนี้เพื่อให้เธอยอมถอนแจ้งความ



“ทั้งหมดนี้ อยากทราบว่ารุ้งกับครอบครัวจะหาความยุติธรรมได้จากไหนคะ ตอนเดินเข้าโรงพักสถานะเราคือผู้ถูกกระทำ ตอนเดินออกมากลายสถานะเปลี่ยนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนกระทำ รุ้งต้องทำยังไงต่อไปดี” เชฟรุ้งระบุ



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความไม่พอใจกับพฤติกรรมของตำรวจ และพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาอย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดีย ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงทำให้สถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก ได้ติดต่อกับเชฟรุ้งเพื่อขอข้อมูล และหมายเลขคดี โดยบอกว่าจะช่วยสอบถามถึงความยุติธรรมให้กับเธอด้วย ซึ่งกระแสเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเชฟรุ้งบนโซเชียลมีเดีย ดังกล่าว ส่งผลให้สำนักงานตำรวจของเมืองนิวยอร์กต้องเคลื่อนไหวทันที



“วันนี้ (21 เมษายน) ทางหัวหน้าตำรวจโรงพัก 94 NYPD Precinct ได้ติดต่อกลับมาหารุ้งแล้วนะคะ” เชฟรุ้ง โพสต์ข้อความดังกล่าวเมื่อวันพุธที่ 21 เมษายน โดยบอกว่า "ทางตำรวจบอกว่าตอนนี้ได้รับเรื่องไปดำเนินการให้แล้วและยังเล็งเห็นอีกว่ามีคนให้ความสนใจกับคดีนี้และติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก  ทางกงสุลไทยเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจช่วยตามเรื่องให้ จนทำให้ทางนักสืบได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนและเรียกพยานปากเข้ามาให้ปากคำที่โรงพักเพิ่มเติมในวันนี้”



ทั้งนี้ เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเชฟคนไทยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในบรูคลีน นิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันอีสเตอร์นั้น เชฟรุ้ง สุชานันท์ อักษรนันท์ ให้รายละเอียดกับรายการเก้าอี้รับแขกของสยามทาวน์ยูเอส ว่า เป็นเหตุการณ์ขณะที่เธอและครอบครัว ซึ่งประกอบด้วยแฟนหนุ่มชาวอเมริกัน และ “ลูกๆ” คือแมวสองตัว ชื่อพอนสุ กับกิมจิ, สุนัขหนึ่งตัวชื่อโตฟู และนกแก้วเล็ก ชื่อแมงโก้ พากันไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน



โดยแมวชื่อ พอนสุ (ponzu) ซึ่งเป็นแมวบริติช ชอร์ทแฮร์ สีดำวัยสามปี ซึ่งเชฟรุ้งบอกว่าเป็น “ลูกคนโต” ของเธอนั้น ถือเป็นแมวที่มีชื่อเสียง เพราะบัญชีอินสตาแกรม (ponzucoolcat) มีผู้ติดตามมากกว่า 33,000 คน เป็นแมวที่สามารถจูงเดินได้เหมือนสุนัข และเชฟรุ้งกับสามี พาแมวพอนสุ (และสัตว์เลี้ยงทุกตัว) ไปท่องเที่ยวด้วยกันทุกที่



โดยก่อนหน้านั้น พอนสุได้ป่วยด้วยโรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ต้องให้ยาวันละสามครั้งรวมถึงต้องให้อ็อกซิเจนหากมีอาการหายใจติดขัดด้วย เชฟรุ้งจึงพาแมวพอนสุ ออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะทุกวัน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์



อย่างไรตาม เหตุร้ายได้เกิดขึ้นขณะที่เธอและครอบครัวเดินกลับมาใกล้จะถึงที่พัก เมื่อมีเด็กชายวัยประมาณ 12 ปีคนหนึ่ง วิ่งผ่านสายจูงของพอนสุอย่างเร็ว ทำให้พอนสุกระเด็นขึ้นสูงตามแรงดึง และเด็กซึ่งหยุดดูเหตุการณ์ครู่หนึ่งได้วิ่งต่อโดยไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยลากสายจูงซึ่งยังคงพันอยู่ที่เท้าไปด้วย เป็นเหตุให้พอนสุ ถูกกระชากอย่างแรงอีกครั้งจนเล็บเท้าหลังหลุดออกมาทั้งหมด และทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ ชักและปัสสาวะราด ก่อนจะเสียชีวิตในอ้อมกอดของเชฟรุ้ง ที่วิ่งเข้าไปกอดแมวไว้แนบอก



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เชฟรุ้งมีอาการช็อค และตะโกนต่อว่าเด็ก ซึ่งไม่ได้ขอโทษ หรือแสดงความสำนึกผิดใดๆ เป็นเหตุให้ครอบครัวของเด็ก ซึ่งมีประมาณแปดคน และเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับเชฟรุ้งภายหลังว่าเป็นชาวเปอร์โตริโก้ แสดงความไม่พอใจ ตอบโต้แทนเด็กว่าเป็นความผิดของเชฟรุ้งเอง ที่พาแมวมาเดิน



เชฟรุ้งเล่าต่อไปว่า ระหว่างมีปากเสียงกันนั้น ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มของคู่กรณี ได้ชกนกแก้วที่เกาะอยู่บนไหล่ของแฟน, ดึงหางสุนัข ฯลฯ หวังจะให้แฟนตอบโต้และใช้เป็นข้ออ้างรุมทำร้าย ขณะที่ผู้หญิงอีกคน ซึ่งเชื่อว่าคือ เอเวอร์ลีน เซอร์ราโน่ ผู้ต้องหาคนแรกที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวแล้ว ได้เดินมาตบหน้าเชฟรุ้ง มีการต่อสู้จนล้มลงกับพื้น ก่อนที่จะมีผู้หญิงอีกคน (เสื้อยืดสีเหลือง) เข้ามารุม โดยการเตะ, กระทืบ และพยายามข่วนใบหน้าเชฟรุ้งด้วย

โดยภาพจากคลิปวิดีโอที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายเอาไว้นั้น เห็นส่วนร่างของเด็ก ที่เชื่อว่าคือเด็กชายวัย 12 ปี ซึ่งใส่รองเท้าสีแดง ได้ร่วมทำร้ายเชฟรุ้ง ขณะที่ล้มอยู่บนพื้นด้วย

นอกจากนี้ ขณะที่สามีของเชฟรุ้งพยายามห้ามครอบครัวอันธพาลที่รุมทำร้ายเธออยู่นั้น วัยรุ่นเพศชาย ซึ่งคอยจ้องโอกาสอยู่ได้ต่อยที่ใบหน้าสามีเชฟรุ้ง เป็นเหตุให้จมูกหัก และแว่นตาแตกบาดที่ใบหน้าของเขาด้วย



เชฟรุ้งเล่าว่าเหตุชุลมุลเกิดขึ้นประมาณ 3-5 นาที ก่อนจะมีพลเมืองดีเข้ามาห้าม รวมถึงมีการโทรศัพท์เรียกตำรวจด้วย โดยภาพจากคลิปวิดีโอที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายเอาไว้ และมอบให้ตำรวจในเวลาต่อมานั้น ได้ยินเสียงของผู้ต้องหา คือเอเวอร์ลีน เซอร์ราโน่ ตะโกนตอบโต้กับผู้ที่พยายามห้ามปรามว่า แมวของเชฟรุ้ง ทำร้ายเด็ก และเชฟรุ้งได้ลงมือทำร้ายเด็กชายก่อน ซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น



อย่างไรก็ตาม ครอบครัวอันธพาลกลุ่มนี้ ได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง แต่เชฟรุ้งบอกว่าได้ถ่ายภาพทะเบียนรถยนต์ของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ และมอบให้ตำรวจในเวลาต่อมา



อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ และพยานบุคคลมากมาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่สนใจ จนเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ โดยก่อนที่จะตัดสินใจโพสต์คลิปและเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดีย และให้สัมภาษณ์รายการเก้าอี้รับแขกของสยามทาวน์ยูเอส นั้น เชฟรุ้งบอกว่าถูกตำรวจนักสืบเจ้าของคดี “พูดจาหมิ่นประมาท ดูถูก เหยียดหยามและป้ายความผิดทุกอย่างมาที่รุ้ง ทำให้รุ้งรู้สึกถึงแรงกดดันและความไม่ยุติธรรมจากคนในเครื่องแบบรังแก”



โดยบางส่วนของถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยามและป้ายความผิดของตำรวจ ตามที่เชฟรุ้งระบุ ก็เช่น “ที่เธอโดนทำร้าย ก็เพราะว่าเธอไปตีเด็กคนนั้นก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเค้าคงไม่มารุมกระทืบเธอหรอก” หรือ  “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเธอเอง ทำไมเธอไม่เดินกลับบ้านไปซะ เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องปานปลายจนทำให้แฟนของเธอถูกทำร้าย แล้วแมวเธอต้องมาตายก็เพราะเธอเอาชีวิตของพวกมันออกมาเสี่ยงเองนะ อีกอย่างใครที่ไหนเค้าเดินแมวกัน?”



และสิ่งที่เชฟรุ้งบอกว่า ทำให้เธอเจ็บปวดมากก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแมวพอนสุ ทั้งที่เป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด โดยตะคอกเธอว่า “เธอหยุดใช้คำว่า”ลูกของชั้นโดนทำร้าย” ได้แล้ว เธออย่าเอาตัวของเธอมาเปรียบเทียบกับคนที่เป็นเค้าเป็นแม่ที่ให้กำเนิดลูกออกมาจริงๆ ไม่ได้หรอกนะ พวกมันคือสัตว์เลี้ยงทั่วๆ ไป จะเอาชีวิตมันมาเทียบกันไม่ได้!”



อีกทั้งมีการข่มขู่ หวังให้เธอถอนฟ้องหรือยอมความ ด้วยคำพูดที่น่ากลัว เช่น “ถ้าเธออยากจะให้ชั้นจับพวกนี้เข้าคุก เรื่องนี้อาจจะกลับตาลปัตร กลายเป็นเธอเองที่ต้องเข้าไปนอนในคุก ข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กก็ได้นะ ถ้าพวกนั้นจะเอาเรื่องเธอคืน อีกอย่างชั้นไม่รับประกันความปลอดภัยนะ เพราะพวกเค้าจะต้องรู้ข้อมูลทั้งหมดของเธอแม้กระทั้งเบอร์โทรศัพท์ ถ้าเธอฟ้องเค้า”



ทั้งนี้ พลังของโซเชียลมีเดีย ที่สามารถกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของมหานครนิวยอร์ก ให้ความสนใจกับคดีร้ายแรงที่เหยื่อเป็นผู้หญิงไทยภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงดังกล่าวนี้ เชฟรุ้ง สุชานันท์ อักษรนันท์ กล่าวแสดงความรู้สึกตื้นตันว่า



“วันนี้เราได้แสดงเห็นถึงอนุภาพพลังเสียงของคนไทยทุกคน ที่ช่วยกันผลักดัน เป็นกระบอกเสียงทำให้คดีนี้เป็นกระแสทางสังคมจนทำให้คดีมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้นค่ะ ทุกๆอย่างเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกๆคนช่วยกัน” รวมถึงได้ยกคำกล่าวของ ลิตเติลฟิงเกอร์ จากซีรีย์ Game of Thrones มาประกอบด้วยว่า “There is no justice in this world, not unless we make it. (ไม่มีความยุติธรรมในโลกใบนี้ นอกจากเราสร้างมันขึ้นมาเอง”



อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังจำเป็นที่สังคมออนไลน์จะต้องจับตามอบกันต่อไป เพราะขณะนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาเพียงคนเดียว ส่วนคนร้ายเพศชาย ซึ่งลงมือทำร้ายเพื่อนชายของเชฟรุ้งจนบาดเจ็บจมูกหัก ยังคงลอยนวลอยู่



นอกจากนี้ เชฟรุ้ง ได้เปิดเพจรับบริจาคเงินสำหรับสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด ผ่านเว็บไซต์ โกฟันด์มี ที่  https://www.gofundme.com/f/Ponzucoolcat?


……


ติดตามการสัมภาษณ์เชฟรุ้งในรายการ เก้าอี้รับแขกของสยามทาวน์ยูเอส ได้ที่ https://youtu.be/bM9byimFGkU

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
24-04-2024 จับ (ซะที) สามโจรทุบร้านไทยและ ฯลฯ กว่า 130 แห่งในแคลิฟอร์เนีย (0/179)   
23-04-2024 เตรียมปรับผังแอลเอเอ็กซ์ครั้งใหญ่ รับ “บอลโลก-โอลิมปิก (0/64) 
22-04-2024 จับโจร “งัดแมนชั่น” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ (0/162) 
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/248) 
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/272) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




  • ¤ÇÒÁ¤Ô´àËç¹·Õè : 1

ทำไมไม่ติดต่อ Senator Tammy Duckworth เห็นอยู่ไปเรียกร้องสิทธิให้พวกล้มเจ้าที่เมืองไทย ลองเอาคดีที่อเมริกาก่อนดีไหม ไหนๆก็เป็นคนไทยอยู่ครึ่งหนึ่งพูดไทยก็ได้ ดูซิเธอจะว่าอย่างไร ถ้าไม่เช่นนั้นก็เขียนถึง Vice president เลย

  • ¼ÙéÊè§: Tarick sakiree
  • 23.242.98.51 Apr 22, 2021 @11:28 PM
ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข