เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 2 กันยายน 2021 ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ห้ามไม่ให้เทศบาลเมืองลอส แอนเจลิส ทำการยึด หรือทำลายสิ่งของที่โฮมเลสทิ้งเอาไว้ในสถานที่สาธารณะ ตามที่ระบุเอาไว้ในเทศบัญญัติของเทศบาลที่ผ่านออกมาตั้งแต่ปี 2016
คำตัดสินดังกล่าวมาจากมติ 2 ต่อ 1 ของคณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ (U.S 9th Circuit Court of Appeals) ที่เห็นว่าเทศบัญญัติควบคุมปัญหาโฮมเลสของเทศบาลเมืองแอลเอ เป็นการฝ่าฝืนบทแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ข้อที่ 4 (the 4th Amendment) ที่ให้ความคุ้มครองมิให้บุคคลต้องถูกยึดทรัพย์สินโดยเจ้าพนักงานของรัฐโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะถูกเก็บเอาไว้ในสถานที่สาธารณะก็ตาม
ผู้พิพากษา มิเชลล์ ที ฟรีดแลนด์ แถลงในนามเสียงส่วนใหญ่ว่า คำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ระบุชัดเจนแล้วว่า รัฐไม่สามารถทำลายทรัพย์สินส่วนตัวที่เจ้าของไม่ได้ละทิ้ง (unabandoned) เอาไว้ในสวนสาธารณะ บนทางเท้า หรือริมถนน และแนะนำว่าเทศเมืองแอลเอ ควรจะร่างเทศบัญญัติที่ถูกต้องตามกฎหมายขึ้นมาใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากพิจาณารายละเอียดที่ระบุไว้ในเทศบัญญัติของเทศบาลเมืองแอลเอ แล้ว ศาลได้อนุญาตให้เทศบาลสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของที่ใหญ่เกินกว่าจะใส่ในถัง 60 แกลลอน ซึ่งเป็นขนาดของถังขยะปกติ ที่เทศบาลจัดให้ใช้ตามบ้านเรือนทั่วไป แต่ไม่สามารถยึดเต้นท์ที่กางเรียบร้อยแล้ว, จักรยาน, อุปกรณ์ช่วยเดิน (walder), ไม่ค้ำเดิน (crutches) หรือรถเข็น (wheelchairs) ได้
ทั้งนี้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ทำงานช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้าน ได้ฟ้องศาลให้ระงับเทศบัญญัติควบคุมโฮมเลส ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาเมืองเมื่อปี 2016
ปัจจุบันนี้ เทศบาลเมืองแอลเอ มีเทศบัญญัติควบคุมพื้นที่ของโฮมเลสฉบับใหม่ (Ordinance Limiting Homeless Encampments) ที่ผ่านสภาและได้รับการลงนามให้มีผลบังคับใช้โดยนายกเทศมนตรี ไปเมื่อปลายเดือนกรกฎรคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเทศบัญญัติควบคุมปัญหาโฮมเลสที่ถือว่าผ่อนผันและคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนมากกว่าที่ผ่านมา กล่าวคือมีการระบุบริเวณห้ามตั้งเต้นท์หรือปลูกสร้างที่พักชั่วคราวเอาไว้อย่างชัดเจน เช่นห้ามปิดกั้นหรือใกล้ทางเข้าออก (doorways) หรือในรัศมี 500 เมตรจากโรงเรียน สวนสาธารณะ ห้องสมุด เชลเตอร์ ฯลฯ และที่สำคัญ ก่อนจะมีการรื้อถอน เจ้าหน้าที่จะต้องเสนอที่พักฉุกเฉิน หรือเชลเตอร์ให้กับโฮมเลสก่อน โดยโฮมเลสมีเวลา 14 วันในการย้ายที่พัก
อย่างไรก็ดี เทศบัญญัติที่ควรจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2021 ฉบับนี้ ก็ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ เพราะถูกฟ้องร้องโดยกลุ่มสิทธิมนุษย์ชนและเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเช่นกัน.