บทความหน้าสาม
ว่าด้วย “สปริง ฟอร์เวิร์ด” และเวลาที่หายไปหนึ่งชั่วโมง






ถึงเวลาที่ชาวอเมริกันค่อนประเทศจะต้องเตือนตัวเองว่าอย่าลืม “เลื่อนเวลา” กันอีกครั้ง โดยช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ หรือสปริงนี้ จะเป็นการเลื่อนเข็มนาฬิกาไปข้างหน้าหนึ่งชั่วโมง แบบที่เรียกกันว่า Spring forword เพื่อเตรียมรับช่วงหน้าร้อน ที่รู้กันอย่างทั่วถึงว่า “มืดช้า” ลง

การเลื่อนเวลา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดั้งเดิมเพื่อประหยัดพลังงาน จนเรียกกันว่า daylight saving time ครั้งนี้ จะเกิดขึ้นในเวลาตี 2 ของวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม โดยเลื่อนเวลาข้ามไปเป็นตี 3 ทำให้เวลา “หล่นหาย” ไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

สิ่งที่ชาวอเมริกันจะต้องทำก่อนนอนในคืนวันเสาร์ คือการหมุนเข็มนาฬิกาไปข้างหน้าหนึ่งชั่วโมง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เผลอ “รีบตื่น” มาปฏิบัติภารกิจประจำวันเร็วไปหนึ่งชั่วโมง

การเลื่อนเวลานี้ เป็นสิ่งที่แทบทุกรัฐต้องปฏิบัติ ยกเว้นเพียงฮาวาย, เกือบทุกพื้นที่ของอริโซน่า และพื้นที่ในเขตปกครองของอเมริกา อย่างปัวโตริโก้, ยูเอสเวอร์จินไอส์แลนด์, อเมริกันซามัว, กวม และหมูเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เท่านั้น ที่ใช้เวลามาตรฐานตลอดปี ไม่มีการเลื่อนไปข้างหน้าหนึ่งชั่วโมงเหมือนรัฐอื่น

อเมริกาเริ่มใช้ระบบการเลื่อนเวลามาตั้งแต่ปี 1918 หรือกว่าร้อยปีที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแสงแดดนานขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมงในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงานให้กับประเทศอย่างมหาศาล โดยจะหมุนเวลากลับสู่ปกติ หรือ standard time ในช่วงหน้าหนาว

แต่ปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์เนียและอีกหลายๆ รัฐมีความพยายามที่จะใช้เวลาเดียวตลอดทั้งปี คือเวลา daylight saving time ของหน้าร้อน เนื่องจากไม่เห็นถึงความจำเป็นของการเลื่อนเวลากลับไปสู่เวลามาตรฐาน นอกจากความไม่สะดวกในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น

มีผลการวิจัยที่ระบุว่าการเลื่อนเวลา ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน เช่นทำให้นอนไม่หลับ หรือถึงขั้นมีปัญหากับหัวใจ เพราะเวลาของนาฬิกาไม่สอดคล้องกับเวลาภายในร่างกาย (body’s internal clock) อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน โรคเครียด เบาหวาน และโรคอื่นๆ อีกหลายชนิด

นอกจากนี้ การเสียเวลานอนไปหนึ่งชั่วโมง จะส่งผลกับประสิทธิภาพของการทำงานในวันจันทร์ รวมถึงทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ในวันจันทร์หลังเลื่อนเวลา มีสูงกว่าวันอื่นๆ ด้วย

ข้อมูลบอกว่านับจากปี 2015 เป็นต้นมา มีร่างกฎหมายแบบต่างๆ รวมถึงข้อมติ (resolution) ว่าด้วยการยกเลิกการเลื่อนเวลา ถูกพูดถึงในรัฐสภาของเกือบทุกรัฐ รวมกันมากกว่า 350 ฉบับ และผลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันเมื่อปี 2019 พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์เห็นชอบให้ยกเลิกการเลื่อนเวลา เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการเลื่อนเวลานี้ แต่ละรัฐไม่มีอิสระในการออกกฎหมายเพื่อเลิกใช้ได้ตามใจชอบ เพราะมีกฎหมายของรัฐบาลกลางชื่อ Uniform Time Act หรือกฎหมายว่าด้วยการใช้เวลาเดียวกัน กำกับอยู่ โดยกฎหมายปี 1966 ฉบับนี้ระบุชัดว่า หากแต่ละรัฐจะยกเลิกการเลื่อนเวลา ต้องเลือกใช้เวลามาตรฐาน หรือ standard time ตลอดทั้งปีเท่านั้น ไม่สามารถเลือกใช้เวลา daylight saving time แบบที่เคยใช้ในช่วงฤดูร้อนได้ มิเช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวายเรื่อง “ไทมส์โซน” เกิดขึ้น

นั่นทำให้รับทราบกันว่า พวกเราจะต้องเลื่อนนาฬิกาปีละสองหนต่อไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าสภาครองเกรส จะเห็นชอบกับเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ และจัดการโหวตยกเลิกกฎหมาย Uniform Time Act จากนั้นก็ต้องทำการเจรจากับทุกรัฐ เพื่อให้ใช้เวลาเพียงหนึ่งเดียวเป็นมาตรฐานต่อไป

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราก็ต้องเลื่อนเวลาปีละสองครั้งต่อไป เริ่มจากวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคมนี้ และเลื่อนกลับ หรือ fall back เป็นเวลามาตรฐานอีกครั้งในเวลาตีสองของวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน....

 




นำเสนอข่าวโดย : ทีมข่าว สยามทาวน์ยูเอส,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
22-05-2023 แผนกสูตินรีเวชของ APHCV จัดเสนอบริการรับฝากครรภ์ที่ศูนย์สุขภาพลอสเฟลิซให้แก่ชุมชนมานานกว่า 20 ปีแล้ว (0/1510) 
05-05-2023 รายงาน : เปิดหมายกำหนดการและขั้นตอนสำคัญ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 (0/401) 
30-01-2023 รายงาน : สรุปเทรนด์ตลาดและธุรกิจปี 2565 ในสหรัฐฯ และแนวโน้มปี 2566 (0/854) 
29-09-2022 เพื่อช่วยบุตรหลานของท่านในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการแสดงออกที่โรงเรียน ให้ดียิ่งขึ้น (0/989) 
29-03-2022 รู้จัก “ส้มซูโม่” ที่กำลังดังเปรี้ยงทาง TikTok (0/2376) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
597
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข