คำสั่งของสำนักงานสาธารณสุขของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ ว่าด้วยการใส่หน้ากากอนามัยขณะใช้บริการขนส่งมวลชนทุกชนิดรวมถึงขณะอยู่ในสถานีขนส่ง ของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งมีกำหนดจะหมดอายุในเร็วๆ นี้นั้น ถูกยืดเวลาออกไปโดยไม่มีกำหนดที่แน่นอน หลังจากที่ตัวเลขผู้ป่วยจากเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลทั่วเคาน์ตี้ กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกครั้ง
โดยสำนักงานสาธารณสุขฯ แถลงเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2022 ถึงเหตุผลของการยืดเวลาบังคับใช้คำสั่งฯ ฉบับนี้ว่าเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา และว่าการใช้บริการขนส่งมวลชน คือการเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและแพร่เชื้อโควิด-19 ที่น่ากลัวมาก
นอกจากจะต้องใส่หน้ากากฯ ขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะแล้ว คำสั่งฉบับนี้ยังบังคับให้ใส่หน้ากากฯ ขณะอยู่ในบ้านพักฉุกเฉิน (shelter) ประเภทต่างๆ รวมถึงในสถานที่รักษาพยาบาล, สถานกักกัน/คุก, และบ้านพักคนชราหรือศูนย์พักฟื้นระยะยาวอื่นๆ ด้วย
โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจากโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แอลเอ เคาน์ตี้ ถูกปรับระดับความเสี่ยง หรือ COVID-19 risk level ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ขึ้นจากระดับ Low เป็นระดับ ทำ Medium เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตามที่ระบุเอาไว้ในคำสั่งของเคาน์ตี้ คือบนรถไฟ ซับเวย์ เรลล์ รถบัส แท็กซี่ และบริการไรด์แชร์ อย่างอูเบอร์, ลิฟท์ ฯลฯ รวมถึงสถานีขนส่ง เช่นสนามบิน สถานีรถบัส, รถไฟและซับเวย์ แล้ว สำนักงานสาธารณสุขฯ ยังให้คำ “แนะนำอย่างจริงจัง” หรือ strongly recommended ให้ประชาชนที่อายุ 2 ปีขึ้นไป ใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ภายในสถานที่สาธารณะทุกแห่ง รวมถึงในโรงเรียน ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์ด้วย
โดยสำนักงานสาธารณสุขฯ บอกว่า คำสั่งใส่หน้ากากอนามัยของแอลเอ เคาน์ตี้ ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสถาการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อสัปดาห์ จะลดลงต่ำกว่า 50 รายต่อประชากร 100,000 คน.