อาจารย์พระมหาบุญสร้างพักที่กุฏิในเขตกัมมัฏฐาน วันธรรมดาถ้ามีใครมาถามเรื่องเรียนและปฏิบัติสมาธิ ท่านก็จะสอนและนำปฏิบัติทันที ท่านขยันด้านนี้มาก หลวงพ่อปัญญานันทะเลยให้ท่านพักที่กุฏิในเขตกัมมัฏฐาน จะได้สอนธรรมะและสอนกัมมัฏฐานในด้านทิศตะวันออกของวัดสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศร่มรื่น
เมื่ออาตมาเดินทางจากวัดขันเงิน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร มายังวัดชลประทานรังสฤษฎิ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แล้วขึ้นกราบหลวงพ่อปัญญานันทะ หลวงพ่อฯ จำได้ตั้งแต่เป็นสามเณรอยู่ที่วัดขันเงิน เวลาที่ท่านไปเยี่ยมหลวงพ่อพระราชญาณกวี (บุญชวน เขมาภิรัติ) อาตมาขึ้นกราบท่านบ่อยๆ ท่านจะจับแขนบีบ แล้วพูดว่ายังหนุ่มแน่นเรียนเก่งๆ นะ เมื่อขึ้นมากราบท่านแล้วนั่งพับเพียบใกล้ๆ ท่านเอ่ยถามว่า เป็นอย่างไร สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ไหม ท่านถามเหมือนรู้ใจว่าเรายังระทมทุกข์อยู่
จึงกราบเรียนท่านว่า ปีนี้สอบตกครับ
ท่านถามต่อว่า เคยสอบตกบ้างไหมตั้งแต่เรียนมา
กราบเรียนท่านว่า ยังไม่เคยสอบตกครับ
ท่านเลยให้ข้อคิดว่า เคยสอบได้มาทุกปี สอบตกบ้างเป็นธรรมดา
อายุยังน้อย สอบตกก็เรียนใหม่ได้อีกหลายปี เรียนจนสอบได้โน้นแหละ
เพราะการเรียนบาลีเป็นการทำงานการกุศล สอบได้หรือสอบตกเป็นผลพลอยได้
จากนั้นหลวงพ่อฯ ก็เล่าถึงคนที่เคยสอบบาลีตกคนละหลายๆ ปีแล้วกลับมาสอบได้ เป็นการให้กำลังใจ รู้สึกว่า ท่านเป็นยอดนักสอน ที่สอนด้วยความเมตตาเพื่อให้ผู้ฟังออกจากทุกข์จริงๆ รู้สึกว่าได้กำลังใจเยอะมาก จึงกราบเรียนท่านว่า กระผมอยากจะเข้าภาวนาสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ความทุกข์เบาบางไป ขอสารภาพกับหลวงพ่อว่า การสอบตกของกระผมคราวนี้รู้สึกเป็นทุกข์จริงๆ
หลวงพ่อฯบอกว่า สอบตกนี้แหละดีแล้ว จะได้ใช้ธรรมะ แก้ความทุกข์พอความทุกข์หมดเมื่อไร แสดงว่า สอบวิชาธรรมะผ่านเมื่อนั้น ยิ่งคุยกับหลวงพ่อฯ มากท่านก็ส่งเราเข้าหาธรรมะจากทุกทิศเพื่อให้พระธรรมปกป้องคุ้มครองจิตจากความทุกข์จริงๆ หลังจากที่หลวงพ่อฯ เมตตาสนทนาธรรมอย่างยืดยาว จากนั้นหลวงพ่อฯ จึงเขียนหนังสือน้อยๆ ให้ถือไปหาท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้าง ว่าให้จัดกุฏิหลังที่อยู่ลึกเข้าไปสุดในเขตกัมมัฏฐานให้มหาจรรยาพักด้วย อาตมาถือจดหมายน้อยมาหาท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้าง ซึ่งเคยกราบท่านมาก่อนสมัยที่ท่านไปเยี่ยมวัดขันเงิน เมื่อท่านรับหนังสือแล้วก็เดินนำหน้าไปยังกุฏิแถวด้านทิศตะวันออกติดกับกำแพง หลังกำแพงก็มีทุ่งวัชพืชเขียวขจี ยังไม่มีการสร้างตึกรามบ้านช่องแต่ประการใด
บรรยากาศภายในเขตกัมมัฏฐาน ร่มรื่นสมกับเป็นสถานที่สงบสำหรับบำเพ็ญเพียรจริงๆ มีสระบัวอยู่หลายสระ มีหญ้าขึ้นเขียวขจีรอบๆ สระบัว มีถนนคอนกรีด เป็นที่เดินจงกรมโดยทั่วพื้นที่
การได้ฟังคำสอนจากหลวงพ่อปัญญานันทะที่อบรมสั่งสอนด้วยเมตตาธรรม บวกกับสิ่งแวดล้อมที่แสนสงบ มีท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้างชวนคุยแต่เรื่อง สุญญตาบ้าง อิทัปปัจจยตาบ้าง ปฏิจจสมุปบาทบ้าง จิตก็คลอเคลียอยู่กับเรื่องทุกข์เรื่องดับทุกข์ ยามว่างก็เดินจงกรมนั่งภาวนาริมสระอย่าสงบต่อเนื่อง รู้สึกว่า ความทุกข์ที่หนักหน่วงค่อยๆ เบาบางจางลงไปจริงๆ
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่กำลังสนทนาธรรมอยู่กับท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้าง ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งชุดขาวเดินผ่านมายืนตรงหน้าวงสนทนาปฏิจจสมุปบาทกัน แล้วเอ่ยขออนุญาตว่า จะขอนั่งฟังพระสนทนาธรรมด้วยได้ไหม ท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้างจึงเรียกเข้ามา เธอนั่งลงบนพื้นปูนแล้วนั่งฟังอย่างตั้งใจ หลังจากฟังการสนทนาผ่านไปสักครู่ เธอจึงขออนุญาตถามปัญหาว่า หนูมีความทุกข์มากจากการสอบเข้าเรียนไม่ได้ หนูไม่เป็นอันกินอันนอน มันทุกข์จริงๆ จนกระทั่งหนูกินยานอนหลับหวังปลิดชีวิตตัวเอง แต่พ่อแม่ช่วยไว้ทัน เมื่ออาการดีขึ้นจึงมาขออยู่ปฏิบัติธรรม 15 วัน และอยู่ในเขตกัมมัฏฐานนี่แหละเจ้าคะ
ท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้าง ถือโอกาสมอบงานให้อาตมาว่า เรื่องสอบตก ฉันสอบตกมานานแล้ว ลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว ฉันสอบเปรียญ 4 ตกหลายปีก็ไม่รู้สึกเป็นทุกข์ร้อนอะไร เพราะพอฉันฟังผลการสอบเสร็จก็ออกธุดงค์ ไม่ได้สนใจเรื่องสอบตก สอบตกแล้วก็แล้วไป ฉันกินได้นอนหลับ เอาอย่างนี้ มอบหน้าที่ให้คนที่สอบตกแล้วเป็นทุกข์คุยกันเอง
ท่านอาจารย์อาจจะเห็นว่า เราอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน เพิ่งประสบเหตุแห่งทุกข์ในแนวทางเดียวกัน คือ สอบตก ผิดหวัง น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า ท่านสอน
จากนั้นท่านก็ลุกขึ้นทำงานแถวๆ นั้น ปล่อยให้เราสองคนปรับทุกข์กัน อาตมารู้สึกดีขึ้นแล้วเพราะภาวนาและสนทนาเรื่อง การเกิดทุกข์และการดับทุกข์ไปหลายรอบ เมื่อได้มาทำหน้าที่แนะนำผู้อื่นที่กำลังเป็นทุกข์พูดไป ร้องให้ไป เพราะพยายามเต็มที่แล้วฝันสลาย ก็ได้ฟังความของกันและกันเสียก่อน ความทุกข์ของอาตมาไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก เพราะชีวิตพระภิกษุสงฆ์ ไม่มีได้หรือเสียอะไรมากมายในชีวิต ไม่ว่าสอบได้หรือสอบตก แต่สำหรับเยาวชนที่มุ่งมั่น จ่ายเงินในการเรียนพิเศษมากมาย ความหวังของพ่อแม่ ของคนรัก และอีกหลายอย่างที่มากกว่าพระ การไม่ยึดมั่นถือมั่น การสอบว่ามาเป็นของตน คือคิดแค่ว่า การสอบคือหน้าที่ชนิดหนึ่ง สอบได้หรือตก ไม่นำกูเข้าไปรับรู้ทุกอย่างก็ผ่านไป
ทุกวันหลังอาหารเช้าจะมาพบกันที่กุฏิท่านอาจารย์พระมหาบุญสร้าง บ่ายอาจารย์จะนั่งสมาธิในห้องกัมมัฏฐาน อาตมาเดินจงกรมข้างบนศาลา เธอคนนั้นชื่อหน่อย จงกรมรอบๆศาลา แล้วก็ขึ้นมานั่งบนศาลา จนบ่ายสามโมงไปเตรียมตัวทำวัตรเย็นกับพระสงฆ์หมู่ใหญ่ที่ลานไผ่ เวลาหนึ่งทุ่มก็มานั่งภาวนาอีกครั้งจนเวลาสามทุ่ม
ต้องยอมรับว่า เวลามีความทุกข์หนักๆ การปล่อยวางเรื่องอื่นแล้วมาภาวนาทุ่มลงไปที่การศึกษาอย่างเดียว เป็นวิธีการลดและดับทุกข์ที่ได้ผลจริงๆ อาการทางจิตใจของหน่อย ที่พูดไปร้องให้ไปก็เบาบางลงจนหายสนิท เธอบอกว่า ได้ผลดีจริงๆ ครบ 15 วัน เธอก็มาลาอาตมากับอาจารย์พระมหาบุญสร้าง ขอบคุณที่เป็นเพื่อนยามยาก เธอเข้าใจคำว่ากัลยาณมิตรได้ชัดเจนว่า บทบาทของกัลยาณมิตรที่สำคัญ คือ ช่วยกันดับทุกข์
แม้หน่อยจะกลับบ้านไปสมาทนศีล 5 แล้ว แต่ทุกวันอาทิตย์หน่อยพร้อมด้วยพ่อแม่ มาทำวัตรสวดมนต์ฟังธรรมตักบาตร ถวายสังฆทานที่วัดชลประทานฯไม่ขาด ครอบครัวของเธอได้กลายเป็นสมาชิกถาวรของวัดชลประทานฯในเวลาต่อมา ทำให้เข้าใจว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ, ซึ่งแปลว่า ‘ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง’ อย่างชัดเจนผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้จริงๆ
เวลาผ่านไปจนใกล้วันวิสาขบูชา อาตมาได้อยู่ร่วมภาวนาและปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชาววัดชลประทานฯ จนความเครียดหายคลายทุกข์ ความหวังและความดำริที่เคยห่อเหี่ยว เริ่มกลับมาผลิใบอ่อนอีกครั้งหนึ่ง จึงกลับมาเรียนบาลีเปรียญธรรม 7 ประโยคและสอนบาลี สอนนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ เป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจให้อาตมากลับมาพัฒนาตนเองและช่วยเหลือสังคมตามที่ช่วยได้อีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ พร้อมด้วยกัลยาณมิตรทั้งหลาย ที่ได้ช่วยกันฉุดกระชากขึ้นมาจากห้วงเหวแห่งความทุกข์ในครั้งกระโน้น ให้ขึ้นสู่ถนนแห่งธรรมที่นำมาซึ่งความสดชื่นเบิกบานเพื่อทำงานที่เป็นประโยชน์ตนและผู้อื่นอย่างเข้มแข็งสืบไป
วันที่ 3 มิถุนายน 2565 เวลา 17.05 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า
รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา