บทความ : เผย “โรบินฮูดประวัติดี” ติดร่างแหไอซ์ เป็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 เครือข่ายเอ็นบีซี ได้เสนอข้อมูลที่ถือว่า “น่าตกใจ” สำหรับชุมชนผู้อพยพนานาชาติในอเมริกา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ “คาดการณ์” กันเอาไว้ตั้งแต่ต้นก็ตาม
โดย: ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส
โดยข่าวอ้างข้อมูลของไอซ์ หรือ Immigration and Customs Enforcement ว่า “เกือบครึ่ง” ของบุคคลที่ถูกไอซ์ จับกุมและกักตัวในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ เป็นกลุ่มผู้อพยพที่ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรืออยู่ระหว่างรอตั้งข้อหา (pending charge)
ข้อมูลของไอซ์ ดังกล่าวนี้ ถือว่าต่างจากที่ได้มีการป่าวประกาศเอาไว้ ว่าจะเน้น “เนรเทศ” เฉพาะกลุ่มอาชญากรเท่านั้น
ข้อมูลของไอซ์ ที่ เอ็นบีซี นำมาเสนอ บอกว่า ในบรรดาผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารแสดงตัวทั้ง 4,422 คนที่ถูกจับกุมและกักกันรอเนรเทศนั้น มีถึง 41 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 1,800 คนที่ไม่มีประวัติอาชญากรรม
อย่างที่บอกไป แม้ว่าเราจะ “ตกใจ” กับตัวเลขดังกล่าว แต่ก็เป็นเรื่องที่คิดกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะต้องเกิดขึ้น และได้เตือนเพื่อนคนไทยของเราเสมอ ให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะในกรณีที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์กลางดงลาติโน่ หรือทำงานในแหล่งงานที่ห้อมล้อมด้วยเพื่อนจากลาตินอเมริกา
โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทอม โฮแมน หัวหน้าทีมดูแลชายแดน หรือ border czar ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า กลุ่มที่ไอซ์ ให้ความสนใจที่สุดคือกลุ่มที่เลวร้ายที่สุด หรือ the worst เพราะเป็นกลุ่มที่อันตรายกับสาธารณชน แต่แน่นอนว่าปฏิบัติการกวาดล้างของไอซ์ดังกล่าว ย่อมต้องมีกลุ่มลูกหลง (โฮแมนใช้คำว่า collateral arrests) ปนอยู่ด้วย แต่เขาบอกว่าจะพยายามระวัง ให้มีคนกลุ่มนี้ติดร่างแหไปน้อยที่สุด
คำกล่าวของโฮแมน ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อ เพราะเมื่อย้อนไปฟังคำกล่าวของเขาเมื่อวันที่ 17 มกราคม ก่อนที่ทรัมป์จะเข้าพิธีสาบานตัวสามวัน โฮเมน ได้ออกมาขู่ว่าจะมีการจับกุมขนานใหญ่ที่ชิคาโก้ในวันที่ 21 มกราคม โดยย้ำว่า แม้จะเน้นไปที่กลุ่มเลวร้ายที่สุดก่อน แต่ก็ไม่มีใครรอดพ้นไปได้
“หากเขาอยู่ในประเทศแบบผิดกฎหมาย พวกเขามีปัญหาแน่” โฮแมน เคยย้ำไว้แบบนี้
ลูเป้ คาร์ราสโซ่ คาร์โดน่า หนึ่งในแกนนำ “พันธมิตรป้องกันตนเองของชุมชน” (the Community Self Defense Coalition) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของเอ็นจีโอและองค์กรของผู้อพยพในแคลิฟอร์เนียใต้ มากกว่า 60 องค์กร เป็นคนหนึ่งที่บอกกับ เอ็นบีซี ว่าการ “เหวี่ยงแห” เพื่อกวาดจับโรบินฮูด โดยไม่สนว่าเป็นคนดีหรือเลวของไอซ์นั้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่เป็นเรื่องที่เธอกังวลมาตั้งแต่ต้น
และนั่นคือแรงขับให้เธอจัดตั้งหน่วยลาดตระเวนเพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวของไอซ์ ในชุมชนลาติโน่ของเซาท์ แอลเอ ตั้งแต่เช้าตรู่แทบทุกวัน โดยจะมาพร้อมกับ “บัตรแดง” แจ้งสิทธิของผู้อพยพ และโทรโข่งส่งเสียงเตือนดังลั่น เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ของไอซ์ ในย่านนั้น
เอ็นบีซี บอกด้วยว่า ลักษณะการจับกุมผู้ไม่มีเอกสารแสดงตัวขณะนี้ ต่างสิ้นเชิงกับเหตุการณ์ที่เกิดในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดน เพราะตัวเลขการจับกุมของไอซ์ ตลอดปีงบประมาณ 2024 ซึ่งสูงถึง 113,431 รายนั้น มีโรบินฮูดที่ไม่มีประวัติอาชญากรรมปนอยู่เพียง 28 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 31,760 คน เท่านั้น
โดยไอซ์ บอกผ่านโซเชียลมีเดียด้วยว่า ประมาณ 87 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกกักตัวในขณะนี้ จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการเนรเทศ ซึ่งอาจจะใช้เวลาที่ยาวนานกว่าเดือน หรือกว่าปี จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า สถานกักกันผู้ต้องหารอเนรเทศนั้น มีเพียงพอแล้วหรือยัง
ข่าวบอกว่า สถานกักกันของไอซ์ทั่วประเทศในเวลานี้นั้น สามารถคุมตัวผู้ต้องหารอเนรเทศได้ทั้งหมด 41,500 คนเท่านั้น แต่ตัวเลขผู้ถูกกักตัว ณ กลางเดือนกุมภาพันธ์ มีถึง 41,169 คนแล้ว...
ดังนั้น ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงมีข่าวว่ารัฐบาลของทรัมป์ พยายามขยายสถานกักกันผู้อพยพรอเนรเทศกันอย่างจริงจัง มีการพูดถึงการดัดแปลงคุกของรัฐบาลกลางในหลายๆ รัฐเป็นสถานกักกันของไอซ์ รวมถึง “กวนตานาโม เบย์” คุกทหารในคิวบาที่สามารถขังผู้ต้องหาได้ถึง 30,000 คนด้วย
การขยายสถานกักกันของไอซ์ ให้เพียงพอกับตัวเลขผู้ถูกจับกุมที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงน่าจะเป็นภารกิจที่เร่งด่วนมากๆ ในช่วงนี้ ไม่เช่นนั้น “โมเมนตั้ม” ของการกวาดจับกุมจะถูกชะลอลง หรือหากเดินหน้าจับกุมต่อไป ก็อาจเกิดกระแสข่าวทารุณกรรมผู้อพยพ โดยการกักขังแออัดยัดเยียด แพร่ออกมา
หากเป็นเช่นนั้น แรงต่อต้านนโยบายของไอซ์ จะไม่ตีกรอบอยู่ในชุมชนผู้อพยพ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนในบลูสเตท เท่านั้น
เพราะข่าวการทารุณกรรมผู้อพยพที่ “เกือบครึ่ง” ไม่ใช่อาชญากรของรัฐบาลบาลทรัมป์ จะทำให้ชาวอเมริกันและชาวโลกส่วนใหญ่ ที่จิตใจยังไม่โหดร้ายพอจะทนเห็นมนุษย์ด้วยกันถูกปฏิบัติแบบเลวร้ายเช่นนั้น ก็จะหันมามองท่าทีของไอซ์ เปลี่ยนไปด้วย.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส