วารสาร Alzheimer’s & Dementia ของสมาคมอัลไซเมอร์ (the Alzheimer’s Association) ตีพิมพ์บทวิจัยที่ใช้เวลารวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่มากกว่า 24,000 คน (อายุเฉลี่ย 71 ปี) ต่อเนื่องกัน 18 ปี โดยบอกว่ากลุ่มคนโสด ทั้งโสดเพราะคู่ครองเสียชีวิต, หย่าร้าง หรือไม่เคยแต่งงานมาก่อน มีความเสี่ยงต่ออาการสมองเสื่อม หรือ dementia น้อยกว่ากลุ่มที่มีคู่ประมาณ 50%

ผลวิจัยให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ชีวิตแต่งงาน สามารถทำให้เกิดความเครียดได้มากกว่าชีวิตคนโสด ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลกระทบกับระบบประสาทได้

ดร.เนวา ซิลตัน ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่ง แมรีเมาท์ แมนฮัทตัน คอลลเจ กล่าวสนับสนุนผลวิจัยฉบับนี้ โดยบอกว่าความเครียดจากปัญหาชีวิตคู่ หรือความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือน เป็นความเครียดเรื้อรัง (chronic stress) สามารถส่งผลด้านลบถึงกระบวนการรับข้อมูลและตัดสินใจ (cognitive function) ได้

นอกจากนี้ ข้อจำกัดเกี่ยวกับการเข้าสังคมของคนที่มีสามีหรือภรรยา ก็เป็นปัจจัยของความเครียดเช่นกัน โดย ดร.เนวา ซิลตัน บอกว่าคนโสดมักอยู่ในวงสังคมที่กว้างกว่า พบเจอผู้คนหรือมีความสัมพันธ์ที่หลากหลายกว่า มีโอกาสได้ทำงานอดิเรกที่ชอบ ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของสุขภาพสมอง นอกจากการนี้ การอยู่ในสังคม จะทำให้คนโสดสนใจที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้ย้ำว่า การแต่งงานไม่ใช่สาเหตุของโรคสมองเสื่อม และว่าการมีคู่ครองอาจมีส่วนได้เปรียบ เพราะสามีหรือภรรยา มักสังเกตุเห็นอาการระยะแรกของโรคความจำเสื่อม หรือสมองเสื่อมของคู่สมรส อันจะนำมาซึ่งการบำบัดรักษาได้ทันท่วงที

“การศึกษาเน้นไปที่ค่าแนวโน้มระยะยาว (Long Term Trend) และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่ใช่หาเหตุโดยตรง” ผลวิจัยระบุ และว่าสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดี และคุณภาพของชีวิต คือปัจจัยสำคัญของการป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ดี

“ไม่ว่าคุณจะเป็นโสดหรือแต่งงานแล้วก็ตาม พออายุมากขึ้น ผมแนะนำว่าคุณต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมถึงสุขภาพทางสังคม หมายถึงออกกำลังกายทุกวัน คุยกับเพื่อนหรือทำกิจกรรมประเทืองปัญญา เช่นเกมอักษรไขว้ เป็นต้น” ดร.เนวา ซิลตัน ระบุ.