หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อจัดการกับปัญหาการต่อต้านชาวยิวของนักศึกษาและประชาชนอเมริกัน ที่ประทุขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2024 และทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่เขาได้แสดงท่าที “เข้าข้าง” อิสราเอล ที่กลุ่มผู้ประท้วงมองว่าต้องรับผิดชอบการสังหารชาวปาเลสไตน์มากกว่า 34,000 ศพ ฯลฯ นั้น
ที่ผ่านมา รัฐบาลกลางได้พยายามควบคุมสถานการณ์การชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ หลายรูปแบบ ทั้งการปราบปราม จับกุม และกดดันสถาบันการศึกษาในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ
ล่าสุด สำนักงานบริการผู้อพยพและสัญชาติ (USCIS) แถลงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 ว่าจะใช้นโยบายคุ้มครองชาวยิว ของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการพิจารณาคุณสมบัติของชาวต่างชาติที่ยื่นขอรับสวัสดิการรัฐ (รวมถึงวีซ่านักเรียน) ด้วย
โดยแถลงบนเว็บไซต์ของ USCIS ระบุว่า ชาวต่างชาติคนนั้นจะถูกปฏิเสธการอยู่ในประเทศทันที หากพบว่ามีพฤติกรรมต่อต้านยิว (antisemitic) หรือสนับสนุนกลุ่มต่างๆ เช่นฮามาส, จิฮัด และฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ทั้งจากพฤติกรรมจริง (ทำร้าย, ข่มขู่ชาวยิว, เข้าร่วมประท้วง ฯลฯ) และจากการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วย
“เจ้าหน้าที่จะพิจารณาโพสต์บนโซเชียลมีเดียทุกโพสต์ ที่บ่งชี้ว่าชาวต่างชาติ มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นแนวร่วม, ส่งเสริม, เผยแพร่ หรือสนับสนุนการทำร้ายชาวยิว กลุ่มก่อการร้ายต่อต้านชาวยิว หรือกิจกรรมต่อต้านยิวต่างๆ หรือไม่” แถลงของ USCIS ระบุ และว่านโยบายใหม่นี้ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันที.
…..