เผยโฉม”หนุ่มใหญ่ไฟแรง” เจ้าของรูปโปรไฟล์ที่ “มิจ” ยืมใช้กว่า 15 ปี
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : เผยโฉม “สก็อตต์ โคล” หนุ่มใหญ่วัย 63 ปีจากเมืองปาล์มสปริง ที่รูปของเขาถูกเหล่ามิจฉาชีพนำไปใช้เป็นโปรไฟล์ เพื่อ “หลอกจีบ” สาวๆ ทั่วโลกมานานกว่า 15 ปี
หลายปีที่ผ่านมา โลกโซเชียลมีเดีย ได้ปรากฎภาพของหนุ่มใหญ่รูปงาม โสด มีฐานะ ทำงานดี ออกตามหา “รักแท้” โดยการทักทายขอทำความรู้จักกับผู้หญิงทั่วไปเป็นจำนวนมาก
เช่น เควิน ออตโตมาร์ ที่โปรไฟล์บอกว่าเป็นหัวหน้าช่าง (foreman) จากเวสต์ปาล์มบีช ฟลอริดา, เคเลบ วิลสัน Caleb ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจากนอร์ทแคโรไลนา, วิลสัน เดวิส วิศวกรทางทะเลจากไอร์แลนด์ และอีกหลายๆ คนระบุว่าที่เป็นหมอ, นักการเมือง, ผู้บริหารระดับสูง ฯลฯ
หนุ่มใหญ่ที่ตามหารักแท้บนโลกโซเชียลฯ เหล่านี้ มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่สองข้อ หนึ่งคือพวกเขาไม่มีตัวตนจริงๆ และสองคือรูปโปรไฟล์ของพวกเขา คือรูปของ “สก็อตต์ โคล” ครูฝึกไทเก็ก โยคะ และฟิตเนส วัย 63 ปีจากเมืองปาล์มสปริง รัฐแคลิฟอร์เนีย
“อาชีพของผมเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้คน เรื่องสุขภาพ การยืดเหยียด ช่วยผู้สูงอายุลุกจากเก้าอี้ ช่วยเด็กๆ ออกกำลังกาย แต่รูปร่างหน้าตาของผมถูกนำไปใช้ทำสิ่งที่เลวร้ายจริงๆ” สก็อตต์ โคล ให้สัมภาษณ์รายการข่าวของ เอบีซี เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2025
“ผู้คนถูกหลอกโดยรูปร่างหน้าตาของผม และถูกขอเงิน มันน่ากลัว น่าสลด และโหดร้ายมาก”
ตั้งแต่ประมาณปี 2010 จนถึงปัจจุบัน รูปถ่ายของโคล ถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของ “โรแมนซ์สแกม” บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ LinkedIn ที่ข้อมูลจาก เอฟบีไอ รายงานว่าสร้างความเสียหายมากกว่า 50 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงระหว่างปี 2020-2024
“บางครั้งผมกูเกิลชื่อตัวเอง หรือเข้า Facebook และ Instagram พิมพ์ชื่อของตัวเอง แล้วเจอบัญชีปลอมเยอะแยะ” โคลกล่าวและว่าเขาพยายามทุกทางเพื่อหยุดยั้งไม่ให้มิจฉาชีพนำรูปของเขาไปใช้ “ผมรายงานบัญชีปลอมบนเฟสบุ๊กบ่อยมาก แต่พอบัญชีหนึ่งถูกลบ บัญชีใหม่ก็เกิดใหม่ทันที”
“มันทำให้ผมเครียด และโกรธมาก ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับผมด้วย”
ข่าวของ เอบีซี สัมภาษณ์เหยื่อโรแมนซ์สแกมรายหนึ่ง ที่หลงเชื่อว่าหนุ่มใหญ่นาม เควิน ออตโตมาร์ มีตัวตนจริงๆ โดยเธอผู้นี้ชื่อ เจนิเฟอร์ ลีเซ่ เป็นชาวเยอรมัน ในเมืองคาสเซล ห่างจากปาล์มสปริง มากกว่า 6,000 ไมล์
ออตโตมาร์ ทักลีเซ่ ทาง Linkedln ว่า “สุขสันต์วันสตรีสากล คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
แม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่รูปร่างหน้าตาและอัธยาศัยของ ออตโตมาร์ ก็ทำให้ลีเซ่ หวั่นไหว ยอมคุยด้วย โดยเป็นการพูดคุยแบบทั่วไปนานหลายเดือน ก่อนที่จะถึงวันที่ ออตโตมาร์ เดือดร้อนหนัก เพราะเครื่องจักรก่อสร้างสองเครื่องที่ไซต์งานเกิดพัง และไม่สามารถติดต่อผู้จัดจำหน่ายเพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ได้
“เขาขอให้ฉันโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ เงินก้อนโตพอสมควร” ลีเซ่ เล่า
แต่ถึงจะ “หลงเสน่ห์” ของโฟร์แมนหนุ่มใหญ่จากฟลอริด้าอยู่พอสมควร แต่ลีซ่าก็ “เฉลียว” พอที่จะสงสัยว่ากำลังคุยกับมิจฉาชีพ จึงเริ่มต้นทำการบ้านโดยการค้นรูปแบบย้อนกลับ และพบว่ารูปของออตโตมาร์นั้น ถูกใช้เป็นรูปของโปรไฟล์อีก “เป็นสิบ” บนโซเชียลมีเดีย
“โชคดีที่ฉันไม่ได้เสียเงิน” ลีเซ่บอก และว่าได้แจ้งเรื่องนี้ให้แพลตฟอร์ม Linkedln ผู้รักษากฎหมาย รวมถึงได้แจ้งมายัง สก็อตต์ โคล เจ้าของรูปที่ถูกเหล่ามิจฉาชีพ นำไปใช้อย่างแพร่หลายด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แพลตฟอร์ม LinkedIn ตอบเอบีซีว่าบัญชี (ปลอม) ของออตโตมาร์ถูกลบแล้ว โดยยืนยันว่าบัญชีปลอมกว่า 99% ถูกตรวจพบและถูกลบก่อนที่จะมีผู้ใช้รายงานเข้ามา ส่วน TokTok ตอบ เอบีซี ว่าบัญชีที่โคลรายงานนั้นถูกลบทุกครั้ง และผู้สร้างบัญชีก็ถูกแบน ห้ามใช้งานตลอดไปด้วย
ขณะที่ Meta (เจ้าของ Facebook) ไม่ได้สนใจตอบคำถามของ เอบีซี แต่อย่างใด
สก็อตต์ โคล กล่าวว่ากว่าสิบปีที่ผ่านมา มีผู้หญิง “นับร้อยคน” จากหลายประเทศติดต่อเขาเพื่อแจ้งว่าเกือบถูกหลอก หรือถูกหลอกจนสูญเงินหลายพันดอลลาร์จากบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้รูปของเขา
“ผมอยากช่วยพวกเธอ แต่เรื่องมันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะทำอะไรได้”
เอบีซี อ้างความเห็นของ ดร.เฮเลน รีสส์ ศาสตราจารย์ด้านจิตเวชของ ฮาร์วาร์ด เมดิเคิล สกูล ถึงความสำเร็จของกลโกงแบบ “โรแมนซ์สแกม” ว่าเริ่มจากความต้องการมีเพื่อนและคนใกล้ชิด ซึ่งเป็นเป็นแรงขับที่ทรงพลัง
“ไม่ใช่ว่าคนที่ถูกหลอกไม่ฉลาด แต่เพราะเรื่องอาจจะเกิดในช่วงที่เขาอยู่ในจุดที่เปราะบางที่สุดในชีวิตก็ได้”
ขณะที่ อีริน เวสท์ อดีตผู้ช่วยอัยการของซานตา คลาร่า เคาน์ตี้ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บริหาร เอ็นจีโอ ที่ทำงานช่วยเหลือที่ถูกหลอกลวงออนไลน์ ชื่อ Operation Shamrock แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหา “โรแมนซ์สแกม” บนโลกออนไลน์ว่าจะเป็นปัญหาที่ “ไม่มีที่สิ้นสุด” ตราบใดที่บริษัทเจ้าของโซเชียลมีเดีย เลือกที่จะไม่ใส่ใจเหมือนเช่นขณะนี้
“ผู้ที่มีอำนาจหยุดเรื่องนี้คือบริษัทโซเชียลมีเดีย แต่พวกเขาเลือกไม่ทำ” อีริน เวสท์ กล่าว
เช่นเดียวกับ โคล ที่บอกว่าแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถตั้งค่าในการตรวจจับรูปโปรไฟล์ที่ถูกใช้ซ้ำๆ ได้ แต่ “เลือกที่จะไม่ทำ”
“ผมรายงานไปที่เอฟบีไอ สองครั้ง แต่เงียบทั้งสองครั้ง” โคล กล่าว และว่าที่เขาอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขากลายเป็นข่าวออกไป ก็เพื่อเตือนให้สังคมได้รับรู้
“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่มันเกิดกับคนอื่นด้วย ผมอยากให้เทคโนโลยีตามให้ทันกลโกงแบบนี้ และช่วยกันหยุดมันแบบจริงจังสักที” ต้นแบบของ “หนุ่มสูงวัยมาดดี” กล่าว.
สก็อตต์ โคล
|
บางส่วนของบัญชีเฟสบุ๊ก ที่ใช้รูปของโคล โดยบางส่วนก็อปปี้กระทั่งชื่อของเขาด้วย
|
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส