หลังจาก ร็อบ ไรเนอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังวัย 78 ปี และภรรยา มิเชล วัย 68 ปี ถูกพบเสียชีวิตในบ้านในย่านเบรนต์วูด ของแอลเอ เคาน์ตี้ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม โดยผู้ต้องหาคือลูกชาย นิค ไรเนอร์ วัย 32 ปี ซึ่งมีประวัติติดยาเสพติด ถูกควบคุมตัวโดยวางหลักทรัพย์ประกันตัว 4 ล้านดอลลาร์

ท่ามกลางความตกใจและเสียใจของแฟนภาพยนตร์ และผู้คนทั่วโลกนั้น ประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา กลับแสดงโพสต์แสดงความ “สาใจ” กับการตายของ ร็อบ ไรเนอร์ ผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม ว่า 

“เกิดเหตุเศร้าอย่างยิ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาในฮอลลีวูด ร็อบ ไรเนอร์ ซึ่งต้องทนทุกข์และต่อสู้กับชีวิต ได้จบชีวิตลงแล้วพร้อมกับภรรยา มิเชล เขาเคยเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และนักแสดงตลกที่มีพรสวรรค์ รายงานบอกว่าเขาเสียชีวิตจากความโกรธที่เขามีกับคนอื่น เป็นความเจ็บป่วยทางจิตอันร้ายแรงและไม่สามารถรักษาได้ เรียกว่าอาการเกลียดทรัมป์ (TRUMP DERANGEMENT SYNDROME) หรือบางครั้งเรียกย่อว่า TDS”

การย่ำยีเกียรติของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศของทรัมป์ เกิดจากความแค้นที่ร็อบ ไรเนอร์ เป็นหนึ่งในบุคคลในอุตสาหกรรมบันเทิงอเมริกัน ที่มีแนวคิดแบบก้าวหน้า และเคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของทรัมป์แบบตรงไปตรงมา

ทรัมป์ยังโพสต์ด้วยว่า ร็อบ ไรเนอร์ นั้น “เป็นที่รู้จักในการสร้างความบ้าคลั่งให้ผู้อื่นด้วยความหมกมุ่นต่อผมอย่างรุนแรง มีอาการหวาดระแวงชัดเจนเมื่อการบริหารของผมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และด้วยยุคทองของอเมริกาที่เกิดขึ้น อาจไม่เคยมีมาก่อน ขอให้ร็อบและมิเชลไปสู่สุขคติ”

ท่าทีที่น่ารังเกียจของผู้นำสูงสุดของประเทศเช่นนี้ กระทั่งกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนเขาบางส่วนยัง “รับไม่ได้” เช่นผู้ใช้ชื่อว่า @NoJelly แสดงความคิดเห็นว่าแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ “ไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีแบบนี้” หรือ @Rebeck4USA ที่เขียนว่า “ผมรักทรัมป์ แต่โพสต์นี้น่ารังเกียจมาก” อีกคนเพิ่มว่า “ขอร้องครับ ลบโพสต์นี้ออกเถอะ”

นักการเมืองลูกพรรครีพับลิกันหลายคน ก็ได้ออกมาวิจารณ์ทรัมป์รุนแรง เช่นโธมัส แมสซี ส.ส.เคนตั๊กกี กล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะมีความเห็นอย่างไรต่อร็อบ ไรเนอร์ สิ่งนี้ไม่เหมาะสมและไม่ให้เกียรติชายที่เพิ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้าย”

หรือมาร์โจรี เทย์เลอร์ กรีน ส.ส.จอร์เจีย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์มาตลอด ก่อนจะแตกหักหลังจากเธอออกมาเรียกร้องให้เปิดเผย เอปสตีนไฟน์ ได้ออกมากล่าวตำหนิทรัมป์ว่า “ร็อบ ไรเนอร์ และภรรยาถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายโดยลูกชายของตนที่มีปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นๆ ส่วนลูกคนอื่นต้องเผชิญความเศร้าอย่างหนัก นี่คือโศกนาฏกรรมในครอบครัว ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือศัตรูทางการเมือง”

ขณะที่นักการเมืองฝั่งเดโมแครต ได้เรียงหน้าออกมาโจมตีทรัมปรุนแรง เช่น เดวิด แอ็กเซลร็อด อดีตที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวว่า “การขาดความเห็นอกเห็นใจต่อครอบครัวไรเนอร์ในช่วงเวลาแห่งความสูญเสียนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้า และเปิดเผยตัวตนแท้จริงของทรัมป์”

โซอี ลอฟเกรน ส.ส.แคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า “ร็อบ ไรเนอร์เป็นชาวแคลิฟอร์เนียใช้แพลตฟอร์มของตนเพื่อทำโลกให้ดีขึ้น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เรื่องการเสียชีวิตของเขาและภรรยาดูตลก เป็นเรื่องต่ำสุดของชายผู้มีแต่ความเกลียดชังคนนี้ พรรคของเขาควรประณามเรื่องนี้”

แคเรน บาส นายกเทศมนตรีลอส แอนเจลิส แสดงความเห็นใน X ว่า “ในช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ความมีมารยาทมีความสำคัญ ปฏิกิริยาของโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงเวลานี้ แสดงให้เห็นว่าเขาต่ำช้าแบบไร้ก้นบึ้ง” 

“ผลงานของร็อบ ไรเนอร์ ทั้งในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ นักต่อสู้เรียกร้องเพื่อเด็กๆ ครอบครัวและสิทธิพลเมือง ได้ประกาศเกียรติยศของเขาชัดเจนแล้ว” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ กล่าว และว่าเมืองลอส แอนเจลิส ขอยกย่องเชิดชูชีวิตของร็อบ ไนเนอร์ และขอยืนเคียงข้างกับทุกคนที่กำลังเสียใจกับความสูญเสียครั้งนี้.