การดีเบท หรือประชันวิสัยทัศน์นัดแรกของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัวแทนของพรรคเดโมแครต และ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนของพรรครีพับลิกัน เมื่อค่ำวันพฤหัสฯ ที่ 27 มิถุนายน 2024 ณ สตูดิโอของ ซีเอ็นเอ็น ในแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย นั้น ผลสำรวจความเห็นประชาชนโดย ซีเอ็นเอ็น หลังการดีเบทเสร็จสิ้นลง พบว่าเสียงส่วนใหญ่ คือ 67 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะการแสดงวิสัยทัศน์ มีเพียง 33 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เห็นว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะ

ซีเอ็นเอ็น บอกด้วยว่าคะแนนนิยมของไบเดนหลังเสร็จสิ้นการดีเบท ต่ำกว่าที่มีการประเมินก่อนการดีเบท โดยก่อนการดีเบทนั้น ไบเดน ถูกมองว่าเป็นรองทรัมป์เพียง 45 ต่อ 55 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ประธาธิบดีไบเดน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ไม่ใช่สาระของการดีเบท แต่อยู่ท่ี “ภาษากาย” ของเขาในช่วงการดีเบท โดยข่าวบอกว่าปัญหาของไบเดนเริ่มแสดงให้เห็นตั้งแต่การสะดุดประตู และการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แถมยังมีอาการเหม่อลอย และต้องครุ่นคิดเป็นเวลานานก่อนที่จะตอบคำถามอีกด้วย

"นอกจากนี้ ในการตอบบางคำถาม ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีไบเดนใช้หลักไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง จนทำให้ทรัมป์เสียดสีว่า "ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรในตอนท้ายประโยคเมื่อสักครู่นี้ และผมไม่คิดว่าเขารู้ว่าเขากำลังพูดอะไรเหมือนกัน"

ข่าวระบุด้วยว่าท่าทีของไบเดน มีผลให้ผู้สนับสนุนของเดโมแครต ถึงกับ “ตื่นตระหนก” โดยบางรายแสดงความเห็นว่าสมควรอย่างยิ่งยิ่งที่ไบเดน จะต้องถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้มีการคัดสรรบุคคลที่มีคุณบัติเหมาะสมกว่า

นางเคท เบดิงฟิลด์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาว กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า "นี่เป็นผลงานการดีเบตที่น่าผิดหวังมาก สิ่งสำคัญที่สุดที่ไบเดนต้องทำคือการพิสูจน์ให้ชาวอเมริกันเห็นว่าเขายังคงมีพลังและความแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้”

อย่างไรก็ดี เซ็ท ชูสเตอร์ โฆษกทีมรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวหลังทราบผลการดีเบทว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะไม่ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้.