เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2024 the California High-Speed Rail Authority ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับชอบในการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของแคลิฟอร์เนีย ได้แถลงว่า ทางหน่วยงานฯ ได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการของรัฐ (The Authority Board of Directors) ว่าได้อนุมัติแผนป้องกันผลกระทบกับสภาวะแวดล้อม (the environmental impact report) ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ในช่วงที่เชื่อมระหว่างเมืองปาล์มเดล กับเมืองเบอร์แบงก์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงช่วงระหว่างปาล์มเดลและเบอร์แบงก์ ซึ่งมีความยาวประมาณ 38 ไมล์นั้น ซึ่งถูกมองว่าเป็นช่วงที่ยุ่งยากที่สุด ของเส้นทางเชื่อมระหว่างแอลเอ กับซานฟรานซิสโก เพราะเส้นทางส่วนใหญ่ คือ 28 ไมล์คือการเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา ถือว่าเป็นการขุดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างเส้นทางลักษณะนี้มา

โดยอุปสรรคสำคัญที่ถูกมองว่า อาจทำให้แผนงานด้านป้องกันผลกระทบกับสภาพแวดล้อมฯ ไม่ผ่านการพิจารณาจากรัฐ คือต้องขุดอุโมงค์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติถึงสองแห่ง คือ the Angeles National Forest และ  the San Gabriel Mountains National Monument เสี่ยงต่อผลกระทบกับพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetlands) และชุมชนตามแนวเส้นทาง ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกควบคุมดูแลเข้มงวดที่สุด

เส้นทางเร็วไฟความเร็วสูง ซึ่งวิ่งด้วยความเร็วกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมงนี้ จะสร้างขนานไปกับไฮเวย์ 14  สามารถขนส่งผู้โดยสารระหว่างสองสถานีได้ภายในเวลาประมาณ 20 นาที โดยสถานีรถไฟความเร็วสูงในเมืองปาล์มเดล จะอยู่ที่ Clocktower Plaza Drive ส่วนในเมืองเบอร์แบงก์ จะสร้างเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สนามบินฮอลลีวูด เบอร์แบงก์ โดยเริ่มก่อสร้าวแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2026

ส่วนงบประมาณในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในช่วงระหว่างปาล์มเดลถึงเบอร์แบงก์นี้ ประเมินเมื่อปี 2018 ว่าอยู่ที่ประมาณ 22.55 พันล้านดอลลาร์ แต่เมื่อปรับเทียบกับสภาวะเงินเฟ้อปัจจุบัน เชื่อว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น 28.6 พันล้านดอลลาร์

ข่าวบอกว่าการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างแอลเอ และเบย์แอเรีย ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้น 494 ไมล์นั้น ขณะนี้ผ่านการอนุมัติจากภาครัฐในประเด็นผลกระทบกับสภาพแวดล้อมแล้ว 463 ไมล์ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 ไมล์เศษๆ นั้น คือเส้นทางระหว่างลอส แอนเจลิส ถึงเมืองอนาไฮมส์ นั้น คาดว่าจะผ่านการพิจารณาภายในปี 2025.